เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก How Stuff Works
การเลือกนักจัดดอกไม้ในงานแต่งงานเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บ่าวสาวหลายคนถึงกับกุมขมับ เพราะไม่ได้ใช้บริการกันบ่อยเท่ากับบริการที่เจอในชีวิตประจำวัน แต่ทั้งนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเริ่มศึกษาข้อมูลกันตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการพิจารณาหานักจัดดอกไม้ต่อไป และเป็นนักจัดดอกไม้ที่สามารถเนรมิตผลงานออกมาได้ตรงใจพวกคุณ
1. ทำความเข้าใจระหว่างนักจัดดอกไม้กับผู้ออกแบบดอกไม้ให้ดีก่อนเพราะนักจัดดอกไม้ คือ ผู้ที่มีประสบการณ์ในการคัดเลือกพร้อมกับนำดอกไม้มาจัดเรียงในงานแต่งงาน แต่อย่างไรก็ตามควรจะศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะติดต่อไปยังนักจัดดอกไม้โดยตรง เนื่องจากบางครั้งพวกเขาก็ไปจ้างนักออกแบบดอกไม้อิสระมาช่วยในการสร้างสรรค์งานแต่งงาน สำหรับคู่รักที่ต้องการดอกไม้ที่มีความพิเศษมากกว่าแค่การดอกไม้มาจัดเรียง ในขณะนักออกแบบดอกไม้มีราคาค่าจ้างที่สูงกว่า และพวกเขาก็เป็นเพียงศิลปินในการจัดดอกไม้คนหนึ่ง ดังนั้น บางครั้งพวกเขาก็แค่จัดวางรูปแบบตำแหน่งที่ตั้งหลัก ๆ ของดอกไม้ แต่ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่ากับนักจัดดอกไม้ อีกทั้งอาจจะมองงานแต่งงานเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ในขณะที่นักจัดดอกไม้ แม้ผลงานจะไม่สมบูรณ์ไปเสียทุกจุด แต่พวกเขาก็มีความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์มากพอให้วางใจ
2. ถามคนรอบตัวให้รู้ชัดก่อนที่เริ่มทำการว่าจ้างนักจัดดอกไม้ ควรหารายชื่อและข้อมูลของนักจัดดอกไม้แต่ละคนให้ชัดแจ้งเสียก่อน และถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่ในตอนนี้มีแหล่งข้อมูลมากมายให้ค้นหา โดยเฉพาะตามเว็บไซต์ต่าง ๆ นอกจากเป็นแหล่งที่สะดวก เข้าถึงง่ายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีไอเดียมากมายให้เลือกชม ที่สำคัญหากอยากได้ข้อมูลที่แน่ชัดมากยิ่งขึ้น ก็ควรจะลองสบถามจากคนใกล้ตัวที่ผ่านการจัดงานแต่งงานมาแล้วด้วย
3. สะสมรูปภาพเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอไปไอเดียเจ๋ง ๆ โดนใจ หรือตรงกับความต้องการ ควรจะบันทึกข้อมูลและภาพเหล่านั้นเอาไว้ ทั้งภาพรวมกับรายละเอียดต่าง ๆ อย่างเช่น โทนสีหรือชนิดดอกไม้ เพื่อนำไปใช้ในการหานักจัดดอกไม้ที่มีแนวการจัดดอกไม้ตรงตามความต้องการของพวกคุณ อีกทั้งยิ่งมีข้อมูลในส่วนนี้มากเท่าไรก็ยิ่งทำให้นักจัดดอกไม้สามารถจัดดอกไม้ที่ตรงตามความต้องการได้มากขึ้นด้วย
4. ตั้งงบประมาณให้แน่นอนกุญแจสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลือกนักจัดดอกไม้ ก็คือ การตั้งงบประมาณเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งคนทั่วไปมักจะตั้งงบประมาณสำหรับการจัดดอกไม้อยู่ที่ 8-10 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณทั้งหมดที่จะใช้จัดงานแต่งงาน ซึ่งในส่วนนี้ก็จะช่วยให้พวกคุณสามารถตัดสินใจเลือกนักจัดดอกไม้ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่สอบถามราคาคร่าว ๆ กับนักจัดดอกไม้แต่ละคนไปเรียบร้อยแล้ว
5. เพิ่มสิ่งที่ต้องการลงไปให้ครบหลังจากที่ได้ข้อมูลทุกอย่างมาไว้ในมือแล้ว ควรลองตรวจเช็กดูอีกครั้งว่ามีส่วนใดตกหล่นไปบ้างหรือไม่ หรือมีส่วนใดที่ต้องการเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ใส่รายละเอียดลงไปบ้าง เพราะสิ่งของบางอย่างก็ต้องใช้เวลานานในการสั่งซื้อ ซึ่งถ้าหากแจ้งนักจัดดอกไม้ไปภายหลัง งานต้องเสร็จไม่ทันวันแต่งงานอย่างแน่นอนอีกทั้งเวลาที่อุปกรณ์มาไม่พร้อมกัน ยังเพิ่มความลำบากในการจัดดอกไม้ให้กับพวกเขาด้วย
หลังจากนี้ก็หวังว่าการเลือกนักจัดดอกไม้ด้วยตัวเองก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะตอนนี้ก็ทราบกันไปแล้วว่าจะเลือกนักจัดดอกไม้กันอย่างไรดี ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ทุกคนสนุกกับการหานักจัดดอกไม้กันนะคะ
