เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณบทเพลงฤดูใบไม้ผลิ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Mint047
วันนี้เราขอเอาใจคู่รักที่กำลังวางแผนถ่ายพรีเวดดิ้งแต่ยังคิดภาพไม่ออกว่าอยากได้แนวไหน สไตล์ใด ด้วยการหยิบเอาบรรยากาศการถ่ายพรีเวดดิ้ง ณ ประเทศเกาหลีใต้ จากรีวิวของ คุณบทเพลงฤดูใบไม้ผลิ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่เป็นช่างภาพลั่นชัตเตอร์เก็บภาพความประทับใจมาให้ชมกันค่ะ งานนี้ขอบอกว่าให้ความรู้สึกถึงความรักที่อ่อนหวานและโรแมนติกสุด ๆ เลยทีเดียว ว่าแล้วก็อย่ารอช้า...ตามไปชมภาพบรรยากาศการถ่ายพรีเวดดิ้งเซตนี้กันเลย ^__^
จริง ๆ แล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราไปเกาหลี ทำให้อะไร ๆ ก็ดูลงตัวมากขึ้น รู้จักทางและสถานที่มากขึ้น ประจวบเหมาะกับตอนนั้นเป็นช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่เป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีแดงทั่วทั้งเมือง (เป็นคนไทยไม่เคยเห็นใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเมือง พูดตรง ๆ ว่าประทับใจมาก ๆ ออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้า กลับมืดทุกวัน) อากาศก็กำลังหนาวแบบพอดี ๆ ประมาณ 10-15c แต่งตัว 3 เลเยอร์ ก็ไม่ดูประหลาด เสื้อผ้าที่เคยซื้อไว้ก็ได้ขนออกมาใช้ (ปลื้มปริ่ม) ประกอบกับช่างภาพเป็นติ่งอยู่แล้ว ก็เลยอินมากกกกกกกกค่ะ
* หมายเหตุ : ตั้งใจตั้งกระทู้นี้เพราะอยากแชร์ประสบการณ์จริง ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังหาข้อมูลการถ่าย Pre-Wedding ที่ต่างประเทศ ไม่ได้จะหวังกำไรจากการตั้งกระทู้นี้นะคะ เค้าเป็นติ่ง เค้าอยาก PR เกาหลี เค้าชอบ snsd กับ bigbang ตอนไปเค้าก็ซื้อ cd กลับมาเยอะเลย 555555
เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ทริปนี้เราไปทั้งหมด 7 วัน แต่ถ่ายรูปกันแค่ 2 วัน ที่เหลือเราไปเที่ยวกับทัวร์ร้านกาแฟ เราจะขอเล่าแค่ 2 วัน ที่เราไปถ่ายรูป Pre-Wedding ก็แล้วกันเนอะ ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 5 คนนะคะ มีพี่เจ้า พี่ธญ ตัวเราเอง และเพื่อนเราอีก 2 คน คนหนึ่งถ่ายวิดีโอ อีกคนตามไปเที่ยวเล่น 5555 ก่อนเดินทาง (วางแผนการเดินทาง&ที่พัก) ด้วยความที่เรางบน้อยใช่มั้ยคะ ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ก็คือ ตั๋วเครื่องบินกับที่พัก เราจึงเริ่มหา Promotion ส่วนลดต่าง ๆ ค่ะ แต่.....คือมันไม่มีไง 555 เพราะตอนตัดสินใจจะไปก็ตอนปลาย ๆ กันยายน ที่พึ่งสุดท้าย คือ เว็บนี้ค่ะ www.skyscanner.com แนะนำทุกคนนะคะ เพราะนาง scan ตั๋วได้ถูกจริง ๆ แต่อาจจะต้องเช็กเวลากันดี ๆ เพราะบางไฟลท์ราคาถูกก็จริงแต่รวมระยะเวลาการเดินทางและเปลี่ยนเครื่องแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง เลยก็มีนะคะ (กรุงเทพฯ-อินชอน ประมาณ 6-7 ชั่วโมง)
และแล้วเราก็ได้ตั๋วเครื่องบินมาค่ะ สายการบิน China Eastern ราคาไป-กลับ ประมาณ 14,xxx บาท และแวะเปลี่ยนเครื่องกันที่เซี่ยงไฮ้ค่ะ ซึ่งก็แอบมีปัญหา คือ ตอนจองตั๋วไป email ที่ได้รับกลับมาเป็นเอกสารเที่ยวบินเนี่ยเค้ามีโน้ตเล็ก ๆ ไว้ว่า China Eastern Airlines operated by SHANGHAI AIRLINES ซึ่งเรา ๆ ทั้งหลายพอไปถึงสุวรรณภูมิก็หา Counter China Eastern กันยกใหญ่ พอไม่เจอก็เริ่มใจเสีย (ตอนนั้นลืมอ่านโน้ตเล็ก ๆ ที่ว่า) นึกว่าโดน skyscanner หลอก แต่สุดท้ายก็ไปเช็กอินที่ SHANGHAI AIRLINES แล้วก็ได้เดินทางกันค่ะ
ส่วนที่พักทางเรากับพี่เค้าแยกที่พักกันนะคะ แต่อยู่ใกล้กันมาก แค่ข้ามถนนใหญ่ก็เจอกันเลย เรานอนที่ Namsan Guesthouse เพราะเคยมานอนตอนครั้งแรกที่มา เลยไม่คิดมาก จองไปเลย (ราคาตอนนั้นเป็น High Season นอนห้อง Private มีห้องน้ำในตัว 3 คน ราคาคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,800 บาท/คืน) แต่พี่ ๆ ทั้ง 2 พักกันที่ฝั่งเมียงดง โรงแรม Nine Tree Hotel Myeongdong ค่ะ สำหรับการหาที่พักนะคะ จริง ๆ แล้วขอแนะนำเว็บ booking.com สมัครสมาชิกแล้วจะได้รับ Promotion ดี ๆ บ่อย ๆ ค่ะ อีกอย่างเว็บนี้จองก่อนแล้วค่อยจ่ายตอนเข้าพักค่ะ ซึ่งมีโอกาสให้เราได้ยกเลิกที่พักได้เผื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนของการเตรียมตัวของบ่าวสาว แน่นอนว่าเรื่องสำคัญ คือ เรื่อง เสื้อผ้า หน้า ผมใช่มั้ยคะ เราคุยกันว่าไม่อยากให้ชุดออกมาหวือหวา ฟู่ฟ่าสะดุดตากันมากนัก เพราะจะได้ไม่ดูแปลกจากสถานที่ที่เราไปถ่ายรูปกันค่ะ และที่สำคัญไม่เป็นภาระในการเดินทาง เพราะเราเดินทางโดย Subway ค่ะ (ทริปถ่ายรูปสไตล์แบ็คแพ็กเกอร์มาก เจ้าสาวแต่งหน้าเองด้วย 555) เลยลงตัวกันที่ชุดเจ้าสาวแบบเรียบ ๆ ส่วนเจ้าบ่าวก็ใส่สูทออกจากโรงแรมเลย เพราะหนุ่ม ๆ ที่นั่นสวมสูท 3 ชิ้น กันเป็นปกติ (หล่ออ่ะ) จะได้เดินทางกันง่าย ๆ และชุด Private อีก 2 ชุดค่ะ
พูดถึงเรื่องชุดก็นึกถึงสภาพอากาศและบรรยากาศของผู้คนที่นั่นนะคะ ในที่นี้จะขอ Focus ในเรื่องของหนุ่ม ๆ ค่ะ 555555 คือถ้าไปในย่านที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นเนี่ยก็จะเพลินตาเพลินใจมากค่ะ คือ หล่อ หล่อ น่ารัก น่ารัก ขาว ใส แต่งตัวดีมากกกกกกก ใครว่าผู้เกาฯ ตัวเป็น ๆ ไม่ได้หล่อแบบในซีรีส์ ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ ที่หล่อ ๆ น่ะมี ขอให้เราไปอยู่ถูกที่ถูกทางเถอะ (ย่านที่แนะนำ ฮงแด&garosu-gil) พูดแล้วก็ฟิน อุอิ
โอเค ออกนอกเรื่องละแวบกลับเข้ามาเรื่องชุดต่อ ด้วยความที่อากาศ 10-15c เนี่ย ไม่เหมือนกันเปิดแอร์เย็น ๆ แล้วอยู่ในห้องนะคะ บังเอิญว่ามันมีลมด้วยค่ะ พัดมาทีนี่ขนหัวลุกนะ ดังนั้น ชุดเจ้าสาวที่เตรียมไปเลยค่อนข้างที่จะบางไปหน่อย เป็นแขนสั้นด้วย จึงต้องหาโค้ท/คาดิแกน/ผ้าพันคอมาช่วยค่ะ Reference ชุดเจ้าสาวฤดูหนาวแนะนำให้หาใน Pinterest แหล่งโลกสวยแห่งมวลมนุษยชาติ และสิ่งต่าง ๆ ถามว่าซื้อที่ไหน ก็ไม่ไกลค่ะ เนื่องจากพักในย่าน Shopping เลยไม่ลำบาก นอกจากนี้ ก็ไปช้อปชุดที่เหลือแถว ๆ ม.สตรีเอวา ค่ะ (สรุปคือชุดจากไทยมันบางไป ชุด Private ทุกชุดคือไปซื้อเอาที่โน่นหมดเลย) ดังนั้น ใครที่มีความคิดจะไปเที่ยวต้องเช็กสภาพอากาศในแต่ละเดือนด้วยนะคะ แต่ถ้าใครตั้งใจจะไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าที่โน่นอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาค่ะ มาดูรูปกันเถอะค่ะ เม้าท์มอยกันมานานมากแล้ว คือ พิมพ์นาน 55555
เราจะแบ่งทริป 2 วัน ง่าย ๆ ดังนี้นะคะ
วันแรก : เกาะนามิ สถานที่ท่องเที่ยวอันแสนโด่งดังของซีรีส์เรื่อง Winter Love Song ใช่ค่ะ ที่ที่มีรูปปั้น Bae Yong Joon ยืนกอดกับ Choi Ji Woo นั่นแหละค่ะ 5555
วันที่2 : เราไปกันที่หมู่บ้านบุกชอน/ซัมชองดง/คลองเกชอนค่ะ
นี่คือรูปที่แอบกดมาตรงสถานีรถไฟก่อนจะไปถึงเกาะนามิค่ะ วิธีเดินทางไปเกาะนามิดูได้ที่กระทู้นี้นะคะ เพราะเราก็ไปตามพี่เค้า
สาวโก๊ะขี้บ่นเที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2 นามิ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/11/E8513364/E8513364.html
เกาะนามิสวยมาก ๆ ค่ะ บรรยากาศเหมาะสำหรับถ่ายรูปจริง ๆ โรแมนติกมาก เห็นคู่รักมาเที่ยวกันประปราย ส่วนมากจะมาเป็นครอบครัวค่ะ วันที่เราไปคนเยอะแยะเลย ทัวร์ก็ลงเยอะ แต่ก็ถ่ายมาได้นะคะ สำหรับเกาะนามิเราก็เห็นคนมาถ่าย Pre-Wedding กัน 2-3 คู่ น่าจะเป็นชาวเกาหลีกับชาวจีน เราไม่ได้ขอใช้สถานที่นะคะ เสียเงินเข้าชมปกติ เจ้าหน้าที่เห็นก็ไม่ได้ว่าอะไร เหมือนกับว่าพวกนางเห็นจนชินแล้ว
ใบไม้เหลืองมาก ๆ เลยค่ะ ยังไม่แห้งเหี่ยวเลยแม้แต่น้อย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากจริง ๆ ที่ได้มาเที่ยว
เสื้อคลุมคาร์ดิแกนกับผ้าพันคอนี้นะคะได้มาจากฮงแดค่ะ ชุดเจ้าสาวสวย ๆ จาก www.facebook.com/TiAmo.makeupartist?ref=br_tf
แสงเค้าดีทั้งวันเลยค่ะ ให้เปรียบเทียบ ก็คือ แดดเหมือน 5 โมงเย็น ของหน้าหนาวบ้านเราทั้งวันอะค่ะ ภูมิประเทศเรื่องนี้เค้าได้เปรียบจริง ๆ
ดูกันไปเพลิน ๆ นะคะ คือ บอกตรง ๆ ว่าเป็นฤดูที่เหมาะกับการไปเดทกับแฟน อากาศดี ทิวทัศน์ดี แสงสวย เดินเที่ยวได้ทั้งวัน
ตอนนี้ต้องมีคนเริ่มอิจฉาความสวีทของคู่นี้แล้วแหละ เราว่านะ 5555
อากาศมันหนาวน่ะพวกเธอ
รูปนี้ พี่เจ้า พี่ธญ ใช้เป็นรูปใหญ่มากกกกกกหน้างาน ดีใจมาก ๆ เลย
ไม่ใส่ส้นสูงนะคะ เน้นเดินสบาย เที่ยวได้ทั้งวัน
ขาวดำพักสายตากันบ้างนะคะ
ตอนถ่ายก็ไม่มีอะไรมากนะคะ ให้เดินเล่น จับมือ กอดกันเล็ก ๆ ที่เหลือฟิลลิ่งพี่ ๆ เค้าล้วน ๆ ค่ะ คู่นี้น่ารักมากจริง ๆ
เหนื่อยแล้วก็นั่งพักสักหน่อย
ทิวต้นแปะก๊วยตรงนี้ ใครที่เป็นแฟนคลับซีรีส์เกาหลีคงจะรู้จักกันดีเนอะ ตรงนี้เป็นเหมือนจุดถ่ายรูปสำคัญของเกาะนามิเลยค่ะ คนเลยค่อนข้างแน่นอย่างที่เห็น ที่เกาะนามิจะมีโบรชัวร์แนะนำการท่องเที่ยวหลายภาษาค่ะ ภาษาไทยก็มี ในโบรชัวร์ก็จะมีแนะนำสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะ แถมบอกด้วยว่าเรื่องอะไรเคยมาถ่ายทำตรงจุดไหน
หนาวขนาดนี้ก็ยังซื้อไอศกรีมมากินกัน
จริง ๆ แล้วถ้าใครขี้เกียจเดินสามารถเช่าจักรยานมาปั่นเล่นได้นะคะ มีแบบต้องปั่น 2 คน ก็มี เห็นคู่รักปั่นกันเต็มไปหมด
ถ่ายกันมาทั้งวัน พอตกเย็นก็หนาวมาเลยค่ะ ช่างภาพมือแข็งหมดแล้ว ยังไม่ค่อยชินกับอากาศ (ลืมบอกเราถึงเกาะนามิประมาณ 11 โมง ถ่ายกันถึงมืด ๆ เลยค่ะ)
ค่ำแล้วเราก็ยังถ่ายกันอยู่ค่ะ ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยนะคะดูจากสีหน้าคุณผู้ชาย 55555
บรรยากาศก็มีส่วนเยอะนะคะ สำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะที่เกาหลีนอกจากอากาศและทิวทัศน์แล้ว การกอดกันเค้าก็ทำกันเป็นปกติ อีกอย่างที่ต่างประเทศไม่มีคนรู้จัก อาจจะมีส่วนทำให้พี่ ๆ เค้าไม่เขินกันมาก
เสร็จสิ้นการถ่ายทำวันแรก ทุกคนดีใจจะได้กินข้าวแล้ว หิวมาก หนาวมาก
เรามาเริ่มวันที่ 2 กันเลยค่ะ ที่แรกที่เราไปถ่ายรูปกัน คือ หมู่บ้านบุกชอน หมู่บ้านโบราณที่ยังมีผู้คนอยู่อาศัยจริง ๆ ดังนั้น การเดินเล่นในหมู่บ้าน เราก็จะเจอป้ายเตือนระวังเรื่องการใช้เสียงตลอดค่ะ เรื่องเสื้อผ้านะคะ ชุดนี้ทั้งชุดยกเว้นกางเกงยีนส์เราก็ได้มาจากฮงแดอีกเช่นเคย เสื้อคู่นี่ในเกาหลีเค้าใส่กันเป็นปกติค่ะ บางคนใส่คู่กันแล้วเท่ด้วยอะ บอกไม่ถูกเหมือนกันไม่ใช่แค่เอาเสื้อคิวท์ ๆ มาใส่ด้วยกันอ่ะ จริง ๆ แล้วทุกคนในทริปนี้ไม่ชอบเรื่องเสื้อคู่ค่ะ5555 แต่พอไปถึงที่แล้วเห็นเค้าใส่กันเยอะ ๆ ก็เหมือนโดนสะกดจิตนะ เห็นดี เห็นงามไปซื้อมาใส่ด้วย ซึ่งพอถ่ายรูปออกมามันก็น่ารักจริง ๆ ไม่ได้ดูตลกแต่อย่างใดจริง ๆ ส่วนตัวไม่ชอบแบบที่มันคู่กันจ๋า อารมณ์ LOVE หรือยัยตัวร้าย นายตัวแสบ อะไรยังงั้น (ส่วนตัวไม่อินเท่าไหร่ แต่ใครชอบไม่ว่ากันนะคะ ^^) สรุปได้ว่าการเลือกเสื้อผ้าที่ดี เหมาะกับ Location ส่งผลต่อรูปอย่างมากมายจริง ๆ ค่ะ
บางคนคิดว่าการถ่ายรูป Pre-Wedding อาจจะต้องเซตฉาก เซตสถานที่ แต่สำหรับเราเราว่า Snap Shot ให้ติดผู้คนไปด้วย ก็ดูธรรมชาติและได้บรรยากาศของการมาเที่ยวดีค่ะ เพราะทริปนี้ต้องการให้เหมือนกับเราไปเที่ยวกันมากกว่าเน้นไปทางการถ่าย Pre-Wedding
สำหรับการเดินทางไปหมู่บ้านบุกชอนฮันอกนะคะ รถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่ Anguk Station เดินออกทางออกที่ 2 แต่เราไปแปลกหน่อย เพราะเราเดินผ่านเข้าไปทางถนนซัมชองดง คือ รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานีเคียงบกกุง ทางออกที่ 5
วันนี้อากาศดี คึกคักกันแต่เช้า จริง ๆ เราเลื่อนวันถ่ายวันที่ 2 ออกมาเพราะเจอฝนตกทั้งวันไปวันหนึ่งค่ะ ถึงจะเป็นฤดูใบไม่ร่วงก็ยังมีฝนตกอยู่บ้างนะคะ ใครไปเที่ยวแนะนำให้ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าด้วยนะคะ สำคัญมาก ๆ
กำแพงจารึกข้อความ มีหลายภาษามากกกกกก ฮ่า ๆๆๆ
สายไหมข้างทางซื้อมาเพราะความมุ้งมิ้ง แต่เรื่องความอร่อยนั้น หึหึ.....ไม่มี
จะว่าไปวันที่ 2 นี่ทานกันหลายอย่างนะคะ อย่างละนิดละหน่อย เห็นอะไรแปลก ๆ ก็ชิมเองบ้าง ให้พี่ ๆ เค้าชิมบ้าง อ้างว่าจะได้เอาไว้ถ่ายรูป รู้สึกขนมกลม ๆ นั่นจะไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ด้วย 555555
พูดถึงของกินข้างทาง ต้องไม่ลืมที่จะพูดถึงลูกชิ้นปลาแผ่น ๆ เสียบไม้ จิ้มกับน้ำจิ้มคล้าย ๆ ซีอิ๊วสีดำเค็ม ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปใส่มาในแก้วเล็ก ๆ ที่เติมน้ำซุปได้ตลอดฟรี เรียกว่าโอเด้ง แต่ไม่เหมือนโอเด้งของญี่ปุ่นนะ อาจจะเหมือนแค่แช่อยู่ในน้ำซุป ราคาไม้ละประมาณ 1,000 วอน คือชอบมาก ๆ กินทุกวัน เพราะหาได้ตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีร้านขายโอเด้งเป็นรถเข็นข้างทางอยู่ทุกที่ ของกินหลัก ๆ ของร้านแบบนี้ คือ โอเด้ง คิมบับจิ๋ว เกี๊ยวซ่าทอด ต๊อกป๊อกกี ซุนแด ใครที่ได้ไปเกาหลีควรลองชิมนะคะ ทานตอนหนาว ๆ ยืนทานหน้าร้าน ได้บรรยากาศเหมือนในซีรีส์เกาหลีดี 5555
มุมน่ารัก ๆ แบบนี้หาได้บ่อย ๆ ค่ะ เดินไป เดินมาก็เจอ คือ สถานที่ท่องเที่ยวเขาทำได้สวยแล้วก็มีแผนที่เข้าใจง่ายเดินแล้วไม่หลง โดยเฉพาะในหมู่บ้านบุกชอน จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลอยู่หลาย ๆ จุดมาก ๆ และทุกคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แถมบางคนก็พ่วงจีนหรือญี่ปุ่นมาด้วย
ย้ายกันมาแถวซัมชองดงบ้างเนอะ รูปนี้เป็นกำแพงข้าง ๆ พระราชวังเคียงบกค่ะ ไม่ได้เข้าไปเที่ยววังอะ ไม่มีอะไรมาบอกเลย จำได้แต่มีทหารแต่งชุดโบราณ ๆ มายืนเข้าแถว รวมพลกันให้ดูหน้าวัง
ถุงเท้าก็ลายคู่กันนะเออ
ซัมชองดง เป็นถนนสายเล็กที่อยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านบุกชอนค่ะ สามารถเดินทะลุถึงกันได้ โดยเดินเข้าซอยเล็ก ๆ ข้างร้าน Coffee Bean ตรงถนนซัมชองดง อย่างที่บอกว่าเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่น่ารักค่ะ สองข้างทางจะเป็นร้านกาแฟกับร้านอาหารน่ารัก ๆ เต็มไปหมด เหมาะสำหรับมาเดินเที่ยวกันแวะชิมกาแฟกันนะคะ ใครที่เป็นแฟนรายการ Roommate สมาชิกในบ้านจะขับรถผ่านถนนสายนี้บ่อย ๆ นะคะ ใน ep แรก ๆ น่ะ ลองสังเกตดู
ราคากาแฟก็ไม่แพงมากค่ะ สำหรับร้านที่ไม่ได้เป็นสาขาใหญ่ ๆ ประมาณ 2,500 วอน หรือ 75 บาท ถ้าเป็นร้านใหญ่ ๆ หน่อยก็ 4,000 วอนขึ้นไป หรือประมาณ 120 บาทค่ะ สำหรับใครที่เป็นแฟน Starbucks ที่เกาหลีก็มีนะคะ แต่คนไม่มากเท่าร้านกาแฟสัญชาติเขา ราคาก็พอ ๆ กันค่ะ บางร้านขายแพงกว่า Starbucks ด้วยซ้ำ เช่น Two Some ของโซจีซบ เป็นต้น
ย้าย Location กันไปคลองชองเกชอน จะขอเล่าเรื่อง Subway ของเกาหลีนะคะ เค้ามีทั้งหมด 8 สาย และมีสายที่เชื่อมต่อกับสนามบินอินชอนกับสาย Bundang แยกไปอีก จงโหลด App Seoul Subway มาค่ะ Appนี้จะทำให้คุณไม่หลง เพียงแค่รู้ว่าที่ที่เราต้องการจะไปมันต้องไปสถานีอะไร แล้วเราก็จิ้มเลยค่ะ นางก็จะคำนวณเส้นทางให้ว่าควรไปเปลี่ยนรถที่สถานีไหนถึงจะสะดวกที่สุด ใช้เวลากี่นาที เรายังไม่เคยหลงเพราะขึ้นรถผิดอะไรแบบนี้เลยนะ App นี้ดีจริง ๆ แหละ ทริคนิดนึง ก่อนรถจะจอดเทียบสถานีนางจะมีเพลง แต๊น แต๊ต แต๊น เหมือนเพลงปลุกใจเป็นสัญญาณว่ารถกำลังจะมาถึงแล้ว ให้เตรียมตัว น่ารักดี ชอบ ๆ สำหรับคนที่สนใจไปเที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ ก็แนะนำให้ซื้อบัตร T-Money แล้วเติมเงินไว้ค่ะ T-Money ใช้ได้กับทั้ง Subway และรถบัส สะดวกดีและคุ้มมากค่ะ หาซื้อและเติมเงินได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป การเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 วอนนิด ๆ แต่ถ้าออกไปไกลตัวเมืองมาก ๆ เช่น ไปสนามบินอินชอนก็จะแพงขึ้นมาค่ะ แต่ด้วยความที่มันพัวพันกันหลายสายเวลาเปลี่ยนสายทีก็เดินเปลี่ยนกันขาลากค่ะ ทริปนี้กินเยอะแต่ไม่อ้วนนะ เพราะวัน ๆ หนึ่งเดินหลายกิโลมาก ๆ
คลองชองเกชอน เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของกรุงโซลนะคะ เปลี่ยนสภาพจากคลองเน่า ๆ กลายเป็นพื้นที่สาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ บรรยากาศที่นี่เป็นคลองสายยาวค่ะ ปกติก็จะมีการแสดงทุกเย็น ตามจุดต่าง ๆ ของคลอง ตอนเรามาครั้งแรกเป็นตอนเย็นของหน้าร้อน คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มีคนมาเล่นดนตรีเปิดหมวก บางคนก็มานั่งเล่นดื่มเบียร์กัน แต่พอมาครั้งนี้ฤดูใบไม้ร่วงคนออกมาเดินเล่นกันเยอะจนแน่นมาก ๆ เลยค่ะ
จุดโยนหินนี่มีความเชื่อว่าโยนลงแล้วขออะไรจะได้สมหวัง อะไรทำนองนี้แหละ
ข้าง ๆ คลอง
กินขนมอีกแล้ว อันนี้อร่อยค่ะ ไม่เฟล 5555
บางทีก็ปล่อยให้พี่เค้าคุยกันไปเรื่อย ๆ เราก็มีหน้าที่แค่ Snap บรรยากาศดี ๆ ของเขาเก็บไว้ค่ะ ถ่ายพรีเวดดิ้งคือการเก็บความทรงจำดี ๆ ของเราก่อนที่เราจะแต่งงาน ก็ไม่อยากให้คนที่มาถ่ายกับเราจำได้แต่ความเหนื่อย ความเครียดเนอะ อยากให้เค้าได้รับความทรงจำที่ดีและเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดในวันนี้ ก็เลยไม่ค่อยชอบเซตอะไรเยอะมาก
ภาพสุดท้ายแล้วนะคะ เราปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปกินเนื้อย่างเกาหลีกัน ก่อนแยกย้ายกันไปนอน
สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่กำลังจะถ่ายพรีเวดดิ้งแล้วอาจจะเครียดเพราะแต่งงานเป็นครั้งแรก กลัวว่ารูปจะไม่สวย ไม่รู้จะทำยิ้มยังไง ทำท่าแบบไหน อยากบอกว่าอย่าไปเครียดค่ะ เดี๋ยวช่างภาพเค้าจะช่วยไกด์เราเอง ขอให้วันนั้นเป็นตัวของตัวเอง ยิ้มให้กันเยอะ ๆ รักกันเยอะ ๆ ก็โอเคแล้วค่ะ ถ้าฟิลลิ่งมันได้ รูปก็ออกมาสวยหมด (ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)
และสำหรับคนที่จะไปเที่ยวเกาหลีช่วงปลายปีนี้ เตรียมเสื้อผ้าและกล้องไปให้พร้อมนะคะ รูปจะออกมาสวยมากจริง ๆ ขอบคุณที่รับชมกันมาจนจบ และขอบคุณ พี่เจ้า พี่ธญ ที่อนุญาตให้นำรูปมารีวิว ขอบคุณ พี่ปาล์ม และ พี่จอย ที่ไปด้วยกันนะ สนุกมาก ๆ เลย
ตกใจอ่ะ ตั้งกระทู้ไว้ ทำโน่นทำนี่กลับมาแล้วมีคนมาคอมเมนต์เยอะมาก หลังไมค์มาหลายคนขอทราบเพจ facebook ขออนุญาตบอกในนี้นะคะ
https://www.facebook.com/pepperismint
ขอบคุณทุกคนที่ชอบรูปนะคะ ดีใจ ๆ มาก ๆ เลย ปลื้มปริ่ม T-T ปลื้มใจแทนพี่ ๆ เค้าด้วย ดีใจที่ได้เป็นคนถ่ายรูปชุดนี้ให้ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง
