วาเลนไทน์วัยพ่อแม่ (Momypedia)
เรียบเรียงจาก: นิตยสาร Life & Family
โดย: นางบางซื่อ
ฟื้นความรักให้คนวัยพ่อแม่ได้ชุ่มฉ่ำกับวาเลนไทน์กันอีกหน กำลังใจไหนเล่าจะชุ่มชื่นเท่าจากสองเรา ถึงไม่กิ๊บก๊าบเหมือนอย่างของลูก ๆ เขา แต่คงหวานและมั่นคงพอที่จะพาเราผ่านวิกฤติไปด้วยกันได้ละน่า วาเลนไทน์ปีนี้พิเศษหน่อยนะคะ กุหลาบแดงดอกเดียวไม่พอแน่ เอาเคล็ดลับ 10 ข้อต่อไปนี้ไปนี้ไปด้วย
1. บอกเล่าเก้าสิบสำหรับหลายคู่ ภาวะหนักหนาอย่างนี้ไม่เคยเจอ อาจแก้ปัญหาคนเดียวไม่ตก ดังนั้น มีอะไรต้องบอกเล่าเก้าสิบกันให้เกลี้ยง ไปมีหนี้ที่ไหนเท่าไหร่ สภาพเป็นอย่างไร คุณพิษณุ เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก บอกว่าเดิมทีตั้งใจจะไม่พูดปัญหา "เพราะไม่อยากเอาภาระหนักใจไปให้ภรรยา และรู้สึกเสียหน้าด้วยที่เราเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว จะต้องมาเจออย่างนี้ แต่ในที่สุดก็มาคิดได้ว่า ไม่พูดยิ่งอึดอัด และถ้าเกิดมันเลวร้ายจนแก้ไม่ได้ว่า มันจะยิ่งไปกันใหญ่"
ตอนแรกภรรยาก็จะตกใจมาก แต่เมื่อรู้สภาพทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี เธอก็ยอมรับได้ และความสัมพันธ์กลับดีขึ้น ภรรยาจะเป็นห่วง คอยดูแลเอาใจใส่มากขึ้นกว่าเดิม
ดร.จอห์น เกรย์ นักจิตวิทยาผู้เน้นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ชี้ว่าปกติผู้หญิงจะชอบเปิดปัญหามากว่าผู้ชาย ผู้ชายจะไม่ค่อยเปิดแต่สำหรับภาวะยามนี้ ผู้ชายคงจะต้องทะลุออกมาจากกำแพงธรรมชาติของตัวเอง และเปิดปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่ว่า การเปิดปัญหาต้องให้เห็นทั้งด้านดีและไม่ดี เพื่อเอาด้านที่ดีมาเป็นช่วยในการค้นหาทางออกต่อไป
2. ช่วยได้เราช่วยกันคุณเพ็ญจันทร์ แม่บ้านวัย 37 เมื่อรู้ว่าสามีถูกลดเงินเดือนในฐานะผู้บริหารบริษัทถึง 30 % ก็จัดการเข้มงวดค่าใช้จ่ายในบ้านอย่างจริงจังลดการออกไปทำผม ตัดคนทำงาน ตัดการช้อปปิ้งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เธอตั้งเป้าให้ตัวเองว่า จะลดค่าใช้จ่ายในบ้านต่าง ๆ ในบ้านให้ได้เกิน 30 % เพื่อไม่ให้สามีต้องมาเป็นภาระ
สวนสวยของเธอเริ่มมีผักชนิดต่าง ๆ งอกงามจากฝีมือของเธอเอง เสื้อผ้าของเขา เธอเป็นผู้รีดเอง จัดให้เอง รวมทั้งอาหารเช้า-เย็น เธอบอกว่าหลายอย่างในบ้านเปลี่ยนแปลงไป ความเครียดของสามีลดลงเมื่อเห็นว่าเธอเองก็สามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง "เขาสารภาพว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวฉันรับไม่ไหว อย่างอื่นเขาไม่กลัว แต่เมื่อเห็นฉันสบาย ๆ เขาก็สบายใจ" ลูก ๆ เธอพลอยเป็นปกติ แม้จะรู้สภาพของพ่อก็ตาม
"เขาชมฉันมากกว่าก่อนด้วย" เธอหัวเราเขิน ๆ เมื่อเล่าว่า "เมื่อก่อนฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองมากกว่าเก่าเยอะเลยค่ะ"
3. มีเวลาคุณภาพของสองเราบ้างในยามปกติ สองเราก็ควรจะมีเวลาอยู่กันลำพังสองคนบ้างอยู่แล้ว เพราะมีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่า การมีเวลาทำอะไร ๆ ด้วยกันสองคน เดินเล่น อาหารเย็นบางมื้อ ฯลฯ ที่ไม่มีกิจกรรมอย่างอื่น ไม่มีทีวี ไม่มีคนอื่น ให้เราสองคนได้คุยกันได้ฟังกัน จะเป็นการผูกความรู้สึกนึกคิดของเราให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
ในภาวะเช่นนี้ ยิ่งต้องหาเวลาคุยกัน อย่างน้อยวันละสัก 10 นาที ไม่สำคัญว่าจะคุยเรื่องอะไรแต่สำคัญที่ต่างได้พูด และได้ฟังตามความคิดความรู้สึกในใจของอีกฝ่าย ให้รู้ว่าการเดินทางความคิดของเราไปถึงไหนกันแล้ว ถ้าจะให้ดีที่สุด แนะนำว่าอาทิตย์หนึ่งออกไปไหนตามลำพังสองคนสักครั้ง เอาลูกไปฝากไว้บ้านย่ายาย หรือเพื่อนพี่น้องสักช่วงหนึ่งเป็นดีที่สุด
4. แก้ไขอะไรสักอย่างหนึ่งที่ถูกอีกฝ่ายบ่นมาเป็นปี ๆในชีวิตคู่ของเรา คงมีอะไรสักอย่างทีไม่สบอารมณ์ของใครคนใดคนหนึ่งบ้าง คุณอาจเคยถูกบ่นเรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลา ทำอาหารเค็มเกินไป พาดผ้าไม่เป็นที่ ทำบ้านรก ยังติดบุหรี่ ฯลฯ อย่างไหนที่คิดว่าคุณสามารถจะตัดใจแก้ไข "เพื่อเขา" ได้สักอย่างหนึ่งในปีนี้
คุณบรรณวิทย์ วัย 44 อยู่กับภรรยา 15 ปี ถูกบ่นเรื่องตื่นสายไปส่งลูกไม่ค่อยทันโรงเรียน อันเป็นสาเหตุให้ภรรยามีเรื่องหงุดหงิดเป็นประจำตัด จนเขาสินใจบอกตัวเองว่า ปีใหม่นี้ไม่ว่าจะนอนดึกสักแค่ไหน ก็จะตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ให้ทันให้ได้ เขาบอกการตัดสินใจครั้งนี้แก่ภรรยา และเขียนเตือนใจตัวเองเอาไว้ที่หน้าตู้เย็น
"เมียผมดีใจมาก เธอกับลูกพยายามช่วยผมให้บรรลุความตั้งใจครั้งนี้ได้ ก็เลยได้สองแม่ลูกช่วยตั้งนาฬิกาปลุก เตรียมทุกอย่าง รวมเตรียมทั้งอาหารใส่กล่องไว้ให้เรียบร้อย จนคิดว่าถ้าผมไม่ตื่นและไปส่งไม่ทัน ผมคงละอายใจเอามาก ๆ" คุณบรรณวิทย์ บอกว่าเมื่อทำได้ 3-4 ครั้งต่อไปก็ทำได้สบาย
คุณละ...คิดจะแก้ไขอะไรสักอย่าง "เพื่อเขา หรือเธอ" ได้ไหมในปีนี้ มันเป็นวิธีบอกให้อีกผ่ายรู้ว่า แม้ฉันไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ แต่ฉันก็อยากให้คุณรู้ว่าฉันกำลังพยายาม "เพื่อคุณ"
5. หาข้อดีมาชมกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่ว่าฝรั่งว่าไทยชอบบ่นคู่สามีหรือภรรยาของตัวเอง (รวมทั้งลูกด้วย) ให้คนอื่นฟังต่อหน้า "คุณชัยนะ เขาไม่โรแมนติกกับชั้นหรอก ไม่ต้องไปชวนดินเนอร์ซะให้ยาก" แป๋วเขาทำอะไรไม่ค่อยอร่อยหรอก เขาไม่ใช่แม่ครัวหัวป่าก์เหมือนคุณอ๋อยนี่"
แต่ถ้าคิดว่าปีนี้เป็นปีแห่งการให้กำลังใจ ลองดูแบบนี้บ้างละ ต่อหน้าเพื่อน ๆ ในวงสนทนา "คุณชัยเขาไม่หวานนอกบ้าน แต่ในบ้านเขาหวานน่าดูเชียวค่ะ" หรือ "อย่างหนึ่งที่แป๋วเขาทำได้เยี่ยมมากก็หมูกระเทียมพริกไทยน่ะครับ ถึงจะทำเป็นอย่างเดียว แต่พวกเราพ่อลูกก็ติดฝีมือเขา ขนาดที่ว่าไม่กินหมูกระเทียมพริกไทยที่ไหนเลย"
นึกภาพเขาและเธอของคุณสิ จะยิ้มหวานขนาดไหนกับคำชมที่คุณให้ ต่อหน้าธารกำนัล ดร.จอร์เจีย วิทกิ้น แห่งวิทยาลับแพทย์เม้าท์ซีนาย นิวยอร์คบอกว่า "ถ้าเราชมเขาว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ เขาจะยิ่งอยากทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้นไปอีก"
6. ให้เวลาอีกฝ่ายเป็นส่วนตัวบ้างคุณวิภาวดี หงุดหงิดทุกครั้งเวลาสามีจะออกไปว่ายน้ำ เธอเคยรู้สึกว่าทำไมต้องทำกิจกรรมส่วนตัว ทำไม่มาเล่นกีฬาอย่างอื่นที่เราสามารถทำได้ร่วมกันทุกคนในครอบครัว "รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น"
มาวันนี้ เธอพบว่านั่นเป็นวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุดสำหรับเขา เพราะการไปว่ายน้ำนั่นแหละที่ทำให้เขานอนหลับได้สนิท มีสมาธิที่จะไปจัดการกับปัญหา ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ห้าม เธอยังจะคอยเตือนเขาทุกครั้งให้จัดเวลาวันหยุดออกไปว่ายน้ำ คอยจัดกระเป๋า เตรียมสบู่ แชมพูและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนให้เรียบร้อย ส่วนเธอกับลูกก็ไปจ็อกกิ้งที่สวนลุม ฯ
ในทางจิตวิทยา ดร.จอร์เจีย วิทกิ้ง บอกว่า "แม้เราจะมีความสัมพันผูกพันธ์อยู่กับคนอื่น แต่เราก็จำต้องรักษาเอกลักษณ์ส่วนตัวของเราเอาไว้ เพื่อจะยังรักษาความรู้สึกพอใจกับตนเองไว้ได้ต่อไป" ยิ่งถ้าหากมีความเครียดมีปัญหาที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องมีเวลาให้กับความสนใจส่วนตัว มิเช่นนั้นชีวิตอาจจะดึงเกินไป และขาดผึงลงได้โดยง่าย
7. ตึงมาก ๆ ก็ติดเบรก แล้วแวบหายไปจากวิถีประจำวันด้วยกันสักทีความเครียด ความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวันยามนี้ที่หนักหน่วง บางทีถ้ารู้สึกว่าจะอึดต่อไปไม่ไหว ก็เบรกเสียบ้าง อย่าลากยาวต่อไป แวบออกไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีคน และไม่มีงานดูบ้าง ไปที่ที่มีแต่อากาศดี ๆ มีความสงบ ร่มเย็น อยากทำอะไรก็ทำ อาจจะเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำก็ได้ จะช่วยเติมพลังให้ชีวิตเพื่อต่อกรปัญหาต่อไป
ไม่จำเป็นว่าต้องไปแบบเสียเงินทองค่าใช้จ่ายมากมาย เลือกเอาที่ที่ปลอดภัยและสงบเป็นใช้ได้ บางทีอาจจะเป็นวัดดี ๆ สักแห่ง ชายทะเล ปิกนิกในป่า หรือปีนเขา
8. ใช้จดหมายเป็นสื่อเห็นหน้ากันทุกวี่วันอย่างนี้ ทำไมต้องเขียน...บางทีการเขียนก็ช่วยให้เราบอกอะไรแก่เขาได้มากกว่าการพูด บางคนอาจเขิน ถ้าจะต้องพูด คำหวาน คำดี ออกมาจากปาก "พูดไม่เป็นครับ"
กรอบรูปเล็ก ๆ ข้างโต๊ะทำงานของ คุณปริศนา มีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ เขียนด้วยลายมือของสามีเธอเองติดอยู่ "แต่งงานกันมา 11 ปี ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดแม้แต่ครั้งเดียว ที่เลือกคุณเป็นภรรยา ขอบคุณสำหรับความสุขทุกอย่างที่ให้แก่ชีวิตผม รักมาก เมธา"
ท้อแท้จากการงาน หรือเรื่องอื่นใด คุณปริศนา จะเงยหน้าขึ้นอ่านความในกรอบรูปนั้นเสมอ แล้วเธอรู้สึกมีกำลังใจกลับมาทุกครั้ง จดหมายดี ๆ จะเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คอยเติมความอิ่มเอมให้แก่จิตใจ เก็บรักษาไว้เนิ่นนาน และทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาอ่าน ก็ทำให้มีความสุขไม่เสื่อมคลาย
9. ทำเซ็กส์ให้ใหม่ สดใสอยู่เสมอหากิจกรรมใหม่ ๆ มาเสริมเติมความสุขให้กับชีวิตเซ็กส์บ้าง หาหนังสือเกี่ยวกับเซ็กส์ดี ๆ มาอ่าน แล้วหยิบเรื่องมาคุยกันเองอย่างเปิดเผยหรือเสริมความรู้สึกดี ๆ ต่อกันด้วยกิจกรรมบางอย่างเช่น การนวดให้กัน สวมชุดนอนใหม่ เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ในห้อง ฯลฯ อะไรที่ทำแล้วตื่นเต้นวาบหวาม...ทำไปเลย
10. วางแผนระยะยาวด้วยกันจะได้รู้ว่าเราจะไปทางไหนกัน ทั้งลูกเต้าและเงินทอง สามีภรรยาบางคู่ต่างคนต่างไปทำงานไม่มีเวลาสื่อสารกัน อาจจะสนิทสนม รู้จักรู้ใจกันไม่เท่าเพื่อนร่วมงานก็ยังมี บางคนมองไม่เห็นมุมบางมุมของกันและกัน เช่น วิธีตัดสินใจ วิธีมองปัญหา เพราะถ้าในครอบครัวไม่มีบรรยากาศหรือเหตุการณ์ให้เกิดการคิดแบบนั้น เราก็จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเขาจะคิดอย่างไร ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการ "ทำแผน" ด้วยกันก็คือ เราต่างจะได้เรียนรู้ความคิดของกันและกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น ผูกพันสานจินตนาการไปด้วยกัน
อายุประมาณนี้แล้ว จะให้วาเลนไทน์หวานสวีทเหมือนรุ่นหนุ่มสาวหรือวัยรุ่นคงจะยาก แต่ถ้าเลือกวาเลนไทน์แบบ 10 ข้อข้างต้น บางทีคุณอาจรู้สึกว่า แม้ไม่หวานจี๊ดหวานจัด แต่ก็หวานมันหวานนานเอาเรื่องทีเดียว
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะขอขอบคุณข้อมูลจาก
