x close

รักระยะไกล นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล

นภาพร - นวพล

นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล - นวพล จุลอมรโชค



รักระยะไกล นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล-นวพล จุลอมรโชค (i Do)

เรื่องโดย : สุวิมล


          คุณอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ดีเจเสียงหวานประจำ คลื่นกรีนเวฟ 106.5 FM มิได้เป็นเพียงแค่ดีเจคุณภาพ แต่เธอยังเป็นนักเขียนแนวให้กำลังใจคล้ายจะเป็นศิราณีคอยให้คำแนะนำเรื่องความรัก เมื่อเธอตัดสินใจสละโสดกับอดีตนักร้อง คุณไนซ์-นวพล จุลอมรโชค ทำให้ได้รู้ว่าความรักของศิราณีคนนี้ออกแนวดราม่าไม่เบาเลยทีเดียว

     แม้อกจะหัก แต่รักก็เริ่มได้

          คุณอ้อยและคุณไนซ์รู้จักกันมาก่อนในฐานะเพื่อน คุณอ้อยเป็นดีเจ คุณไนซ์เป็นนักร้อง ทั้งคู่จึงมีโอกาสทำความรู้จักกัน อีกทั้งคุณไนซ์เองยังรู้จักกับเพื่อนสนิทของคุณอ้อย ทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอยู่ประมาณ 4-5 ปี ก่อนที่ความสัมพันธ์จะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อคุณไนซ์อกหัก

          คุณอ้อยเริ่มว่า "เมื่อสัก 10 ปีก่อน ตอนนั้นเขาออกเทป ต้องมาทำกิจกรรมที่คลื่นบ่อย ๆ ก็เลยรู้จักกัน และมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิทกันแบบต้องเจอกันทุกวัน มีโทรคุยกันบ้าง เรารู้ว่าพอไม่ได้เป็นนักร้องเขาก็ไปทำธุรกิจอยู่ต่างจังหวัด เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา เพราะเขาหน้าตาดีเกินไป (หัวเราะ) ไม่หรอก... เราคิดว่าหน้าตาแบบนี้กับแบบเราไม่น่าจะใช่"

          แต่เมื่อคุณไนซ์ผิดหวังในความรัก และหันมาปรึกษากับคุณอ้อย ผู้หญิงที่เขามั่นใจว่ากล้าพูดคุยทุกสิ่งทุกอย่างด้วย

          "ตอนนั้นกำลังเฮิร์ท เขาเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่เรากล้าคุยด้วยทุกอย่าง เรารู้สึกว่าเราคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง"

          คุณอ้อยเสริม "ปกติเราคุยกันเรื่องอื่น จนวันเกิดเขา เขาชวนเราไปกินข้าวด้วย แต่เราติดงาน จนเลยวันเกิดเขาไป เขาโทรมาทวง พอไปด้วยกันเราก็ถามเขาว่า "อกหักหรือเปล่า" เขาก็ตกใจว่าเรารู้ได้อย่างไร เพราะเราชอบสังเกต ปกติในวันเกิดส่วนใหญ่ควรนึกถึงแฟน ไม่ใช่ไม่รู้จะไปกินข้าวกับใคร เขาก็เริ่มเล่า แต่เราก็ติดจัดรายการอีก ฟังเรื่องของเขาไม่จบ ตั้งแต่นั้นเขาก็เริ่มโทรมาคุย"

          คุณไนซ์ได้โทรศัพท์มาคุยกับคุณอ้อยบ่อยขึ้น จากที่โทรคุยเฉพาะช่วงกลางคืน ก็เพิ่มรอบมาเป็นตอนเช้า จนในที่สุดคุณไนซ์เริ่มส่งสัญญาณสื่อความรู้สึกในใจของตนเอง

นภาพร - นวพล

     รักของเรา แค่ไหน แค่นั้น

          วิธีการของคุณไนซ์ คือยิงคำถามตรง ๆ เพื่อสื่อความรู้สึกในใจในขณะที่คุณอ้อยยังไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใด ๆ และยังกังวลว่าคุณไนซ์ซึ่งเพิ่งอกหักมา อาจมีสภาพจิตใจไม่แข็งแรงพอที่จะมีรักครั้งใหม่

          คุณอ้อยเล่าต่อ "เขาโทรมา ถามเราว่า "เราไม่มีแฟนเหรอ" พอเราตอบว่า "ไม่มี" ก็ถามต่ออีกว่า "ถ้ามีแฟนอยู่ไกล มันจะเป็นยังไง" ตอนนั้นเราสะดุดนิดนึง แต่ยังไม่คิดอะไร เราก็ตอบว่า "อยู่ไกลมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนสองคนรักกันหรือเปล่า" จนวันหนึ่งเขาบอกว่าเขารู้สึกดี ๆ กับเรา แต่ไม่เร่งรัดให้เราตัดสินใจ เขาแค่อยากบอก ตอนนั้นเราตอบไปว่า "อย่าเลยเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้ว"

          ด้านคุณไนซ์ "ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกพิเศษกับเขาแล้ว และมันก็มากขึ้น ตอนที่เขาบอกอย่าเลย เราก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่เป็นไรขอแค่บอก เดี๋ยวค่อยว่ากัน"

          จากนั้นคุณไนซ์ใช้วิธีการนัดเจอ และก็ต้องแปลกใจ เพราะทันทีที่เอ่ยปากขอโอกาสในการคบหาเป็นแฟน คุณอ้อยตอบตกลงในทันที

          คุณอ้อยอธิบายว่า "เขาคงตกใจ แต่มันก็แค่รู้สึกว่าลองดูก็ได้ เพราะเขาพูดว่าไม่เป็นไร ถ้าบังเอิญวันหน้าเราไม่สามารถเป็นแฟนที่ดีต่อกันได้จริง ๆ ก็แค่กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่เขาแค่ขอโอกาส มันทำให้เรารู้สึกสบายเขาไม่รุกเร้าเกินไป เราจึงตกลงใจคบกันในฐานะแฟน"

          ในระยะแรกคุณอ้อยคิดว่ารักครั้งนี้ของเธอคงไม่นาน เพราะมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่จะทำให้รักจบลง ไม่เพียงเพราะคุณไนซ์ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ต่างจังหวัด แต่ยังมีครอบครัวของคุณไนซ์ที่ไม่ปลื้มคุณอ้อย และแม้แต่แฟนคลับเดิม ๆ ที่ยังคงอยู่ในชีวิตของคุณไนซ์ ทำให้คุณอ้อยบอกกับตัวเองเสมอว่า "รักของเรา แค่ไหน แค่นั้น"

      ไม่หมดรัก แค่หมดแรง

          ทางบ้านของคุณไนซ์เป็นครอบครัวคนจีน ทั้งคุณแม่และพี่สาวของคุณไนซ์ไม่เห็นด้วยกับการคบหากันของทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เห็นด้วย ย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์อย่างแน่นอน

          คุณไนซ์เล่าขึ้นก่อนบ้าง "คุณแม่จะมีคนที่เห็นว่าเหมาะสมกับเราเตรียมไว้ให้เรื่อย ๆ กับอ้อยคุณแม่บอกว่าไม่ปลื้ม คุณแม่จะมีข้อกำหนด เช่น ต้องสวยแบบนั้นแบบนี้ ต้องเป็นลูกคนจีน ดวงต้องถูกกัน ต้องทำการค้า ซึ่งไม่ตรงเลย คนในครอบครัวเราจะพูดตลอด จากวันนั้นถึงวันนี้ถ้าเราไม่แข็งแรงพอ ความรักของเราคงจบแล้ว แต่เราไม่หวั่นเพราะเราคิดว่าเขาดี"

          คุณอ้อยเสริม "ตอนนั้นพบว่ามีรังสีอำมหิตซ่อนอยู่เต็มไปหมด แต่ก็เข้าใจว่าเป็นระบบคัดกรอง การจะเข้าไปเป็นสมาชิกในครอบครัวใครไม่ใช่เรื่องง่าย มีอยู่ครั้งหนึ่งซื้อของไปฝากคุณแม่เขา คุณแม่เขาบอกว่าไม่ต้องมาเอาใจ ไม่มีทางชนะใจเขาได้ ซึ่งแปลเจตนากันผิดเพราะเราไม่ได้ให้เพื่อต้องการเอาชนะเลย"

          ในสถานการณ์เช่นนั้น คุณไนซ์ถึงกับต้องคุยกับคุณอ้อยเผื่อไว้ว่า "ถ้าเราบังเอิญว่าไม่เป็นแบบนี้ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ได้ใช่ไหม" และถือเป็นโชคดีของคุณไนซ์ ที่คุณอ้อยเข้าใจดีว่าคุณไนซ์เองต้องเจอแรงกดดันมากมาย และด้วยความเข้มแข็ง ทั้งสองจึงตกลงใจว่าจะลองสู้ร่วมกันอีกสักครั้ง

นภาพร - นวพล

     โจทย์พิชิตใจ

          ทั้งคู่ค่อย ๆ ประคับประคองความรักร่วมกัน กระทั่งวันหนึ่งคุณแม่ของคุณไนซ์ไม่สบาย ต้องเดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ทำให้คุณอ้อยมีโอกาสพิสูจน์จิตใจที่ดีของเธอ เช่นเดียวกันกับที่ในเวลาต่อมาพี่สาวของคุณไนซ์ไม่สบายหนักมีโอกาสเสียชีวิต ซึ่งเป็นอีกครั้งที่คุณอ้อยได้เข้าไปดูแลจนมีอาการดีขึ้นราวปาฏิหาริย์

          คุณอ้อยย้อนเล่า "ตอนคุณแม่เขาป่วยเข้าโรงพยาบาล เราก็รู้ว่าเขาไม่ชอบเรา ตอนนั้นพี่ไนซ์ต้องทำงาน คุณแม่อยู่โรงพยาบาลคนเดียว ตอนแรกก็สองจิตสองใจกลัวว่าถ้าไปดูแลจะคิดว่าเราอยากเอาชนะ แต่อีกใจก็สงสาร เพราะเรามีแม่ที่ไม่แข็งแรงเหมือนกัน และการอยู่โรงพยาบาลคนเดียวไม่ดีแน่ วันนั้นเลยซื้อข้าวไปให้ จัดใส่ชามแล้วยกให้โดยไม่ป้อน เพราะกลัวว่าจะรังเกียจแล้วไม่ยอมทาน แต่ท่านตักข้าวทานเองไม่ได้ พอเราเห็นว่าหยิบซ้อนแล้วหล่น ทำให้คิดว่าที่เราคิดมาทั้งหมดไม่ควรเลย เลยตัดสินใจป้อนข้าวให้ทานเรียบร้อย แล้วออกไปจากห้องเพื่อไม่ให้อึดอัด"

          เช่นเดียวกับเมื่อพี่สาวของคุณไนซ์เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการเส้นเลือดแตกที่ก้านสมอง คุณอ้อยก็ได้เข้าไปดูแลอีกเช่นกัน

          "จริง ๆ พี่ไนซ์ไม่เคยขอให้เราช่วยเหลือ ขอแค่ให้เข้าไปดูบ้าง ตอนนั้นหมอแนะนำว่าควรพูดให้คนป่วยฟังเยอะ ๆ เพื่อให้สมองดีขึ้น เราเลยเข้าไปพูดกับพี่สาวของเขาทุกวันตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงบ่ายสองโมงเหมือนเราจัดรายการวิทยุ ไปพูดทุกวันแม้เขาจะนอนนิ่ง ในใจคิดแค่ว่าถ้าเราช่วยเขาได้ขอให้กุศลนี้ทำให้คนที่เรารักทุกคนไม่ป่วยแบบนี้"

          จากการทำของคุณอ้อย ทำให้อาการของพี่สาวคุณไนซ์ในขณะนี้ดีขึ้น ความจำกลับมาทั้งหมด พูดได้แม้จะยังไม่ชัด แต่ก็ถือว่าเป็นกรณีศึกษาของทางโรงพยาบาลเลยทีเดียว

นภาพร - นวพล

     "รัก" ลงเอย

          ตลอดระยะเวลาที่คบหากันเป็นแฟนถึง 7 ปี ทั้งสองยังมีเรื่องหวาน ๆ ในมุมน่ารัก ๆ จนทำให้ทั้งคู่ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ด้วยความสุขใจ และพอใจกับทุกวันที่ค่อย ๆ เดินร่วมกันไป

          คุณอ้อยเริ่มก่อน "เรามีเรื่องหวานเยอะมาก เขาเป็นคนที่กอดเราได้ทุกที่ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง เขาแคร์ความรู้สึกเราในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างขับรถเขาจะจับมือเราตลอด หรือถ้าเขาคุยโทรศัพท์แล้วเรานั่งอยู่ เขาก็จะจับมือเพื่อให้เรารู้ว่าเขาไม่ได้ลืมเรา หรืออย่างพอเราเจอกัน เราจะนับวันว่าจะได้อยู่ด้วยกันกี่วัน แต่เขาจะนับวันว่าอีกกี่วันจะได้เจอกัน"

          ส่วนคุณไนซ์เห็นว่า "เรารู้สึกกับเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะกับเรา เขาเป็นคนที่เข้าใจ มีมุมมอง เขาโตเป็นผู้ใหญ่"

          แม้ในตอนแรกคุณอ้อยจะยอมรับไม่ได้กับการที่มีแฟนอยู่ไกลกัน จนกระทั่งเห็นว่าคุณไนซ์ทำงานหนัก และเป็นผู้ชายที่นิสัยดี น่ารัก คุณอ้อยจึงเข้าใจ และยอมรับได้

          "เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรก ตั้งแต่ตอนเป็นเพื่อนกัน และเขาเป็นคนรักครอบครัวซึ่งเรารู้สึกว่าน่าจะเป็นจุดที่ตรงกัน เขาเป็นคนใส่ใจต่อให้มีเวลาน้อยแต่เขามีเจตนาแห่งความใส่ใจเยอะ"

          หลังแต่งงานคุณไนซ์ยังทำธุรกิจอยู่ที่จังหวัดตาก ส่วนคุณอ้อยยังคงเป็นดีเจอาชีพที่เธอรัก "รักระยะไกล" ของคู่นี้ มีหลักความเข้าใจและการสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมิเช่นนั้นวันหนึ่งอาจกลายเป็นต่างรู้สึกห่างเหินกันเพียงเพราะต่างไม่ยอมสื่อสารกัน




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ISSUE 53

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รักระยะไกล นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2555 เวลา 14:33:31 2,948 อ่าน
TOP