เรียงร้อยถ้อยรัก...เมื่อต้องกล่าวขอบคุณ

เรียงร้อยถ้อยรัก...เมื่อต้องกล่าวขอบคุณ (i do)
เรื่อง : ต้อง

           ช่วงหนึ่งในงานแต่งงาน คู่บ่าวสาวจะต้องกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อ หากคู่ไหนพูดเก่งหรือมีประสบการณ์ด้านการพูดนำเสนองานต่าง ๆ อยู่แล้ว เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหาให้หวั่นใจ แต่สำหรับคู่บ่าวสาวที่พูดไม่เก่ง และมักประหม่าหากต้องอยู่ต่อหน้าธารกำนัล ปัญหาย่อมเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น การสร้างความมั่นใจคือต้องเตรียมตัวเตรียมการมาก่อนล่วงหน้า

           ถ้อยคำเพียงไม่เกิน 5 นาที ที่คู่บ่าวสาวกล่าวออกไป แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็สามารถสร้างความทรงจำดี ๆ ให้คงไว้ได้อย่างยาวนานทีเดียว การกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อบนเวที แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในทุกงานฉลองวิวาห์ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าประทับใจ

           เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจ คู่บ่าวสาวควรเตรียมเรื่องหรือข้อมูลที่จะพูดไว้ล่วงหน้า อย่ากระชั้นนัก ไม่ใช่ว่าวันงานพรุ่งนี้แล้วค่อยเตรียมวันนี้ แต่ควรเตรียมไว้ก่อนถึงวันงานประมาณ 1-2 เดือน ค่อย ๆ นึก ค่อย ๆ ปรับแต่ง เรื่องไหนที่อยากจะพูดขอให้จดลงไว้ในสมุดโน้ตก่อน แล้วค่อยมาตัดหรือเพิ่มเติมทีหลัง จากนั้นลองร่างขึ้นมาเป็นคำพูดคร่าว ๆ ลองพูดซ้ำไปมา จะรู้สึกได้เองว่าที่ลองเขียนขึ้นมานั้น ควรปรับแต่งอย่างไรให้ลงตัวมากที่สุด

           เมื่อร่างคำพูดได้รวมทั้งการปรับแต่งจนลงตัวแล้ว ในวันแต่งงานควรนำร่างฉบับนั้นเตรียมไว้ใกล้ตัว แม้ว่าคู่บ่าวสาวจะเป็นคนความจำดี แต่ในเวลาที่ตื่นเต้นนั้นเป็นไปได้ที่อาจลืมคำพูดสวยงามที่ร่างเตรียมไว้จนหมด ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะหยิบเอาร่างคำพูดขึ้นมาดูระหว่างการพูด การพิมพ์ข้อความคำพูดควรพิมพ์ด้วยตัวหนังสือตัวใหญ่ รวมทั้งเว้นวรรคตอนให้ชัดเจน พิมพ์ใส่ในกระดาษแข็งที่ดูสวยงาม เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องหยิบมาใช้จะได้ดูสวยงาม ขนาดของกระดาษให้พอใส่ไว้ในกระเป๋าของเจ้าบ่าวได้

           ในเรื่องของการเตรียมคำพูดนั้น คู่บ่าวสาวต้องเริ่มคิดถึงความยาวก่อนว่าตั้งใจจะพูดยาวหรือพูดสั้น ๆ แนะนำว่าไม่ควรพูดยาวเกินไป เพราะแขกส่วนใหญ่จะมีสมาธิกับการฟังอย่างตั้งใจประมาณ 3-5 นาทีเท่านั้น เมื่อกำหนดระยะเวลาว่าจะขึ้นไปพูดกี่นาทีแล้ว ต้องพิจารณาถึงกลุ่มแขกที่จะมาร่วมในงานด้วยว่าเป็นแขกกลุ่มใดมากที่สุด จากนั้นจึงเริ่มร่างคำพูดขึ้นมาให้เหมาะกับผู้ฟัง

           โดยแบ่งการร่างออกเป็นบทพูดของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวออกจากกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเนื้อความทั้งหมด แม้ว่าจะร่างอย่างเป็นทางการ แต่ไม่ควรละทิ้งตัวตนของคู่บ่าวสาว

           โดยการกล่าวขอบคุณนั้น ควรเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทาย

           "สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ"

           จากนั้นควรเริ่มกล่าวคำขอบคุณประธานในพิธี และแขกเหรื่อเพื่อเป็นการให้เกียรติที่มาร่วมงาน จากนั้นจึงขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ญาติผู้ใหญ่ และต่อมาจึงเป็นบรรดาเพื่อนฝูงและเพื่อนสนิท หรือญาติรุ่นราวคราวเดียวกัน

           ในการร่างบทพูดนอกจากการกล่าวขอบคุณแล้ว เรื่องราวที่จะพูดถึงนั้น อาจมีเรื่องการพบกันของคู่บ่าวสาวว่าพบกันได้อย่างไร โดยพูดสั้น ๆ ให้ได้ใจความ เพื่อเชื่อมโยงมาถึงวันสำคัญในวันนี้ รวมทั้งสามารถพูดแสดงความในใจของคู่บ่าวสาวว่ารู้สึกต่อกันเช่นไร ประทับใจอะไรในกันและกัน สามารถพูดบอกความในใจหรือบอกความในใจที่ยังไม่เคยบอกกันมาก่อน อาจเป็นการบอกรักว่ารักกันมากแค่ไหน หรือบอกเหตุผลว่าทำไมจึงต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคน ๆ นี้ หรืออาจขอบคุณคู่ของเราที่เลือกและตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน

           ซึ่งทำให้เรามีความสุข และเกิดเป็นวันนี้ขึ้นมาในที่สุด โดยในขณะที่กล่าวแสดงความในใจเช่นนี้ คู่บ่าวสาวควรหันมาสบตากันบ้าง ส่งยิ้มให้กัน หรือแสดงออกโดยหอมแก้มกันเบา ๆ การแสดงออกเช่นนี้จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับสักขีพยานที่มาร่วมงานได้มากทีเดียว รวมทั้งเป็นจังหวะให้ช่างภาพได้เก็บภาพที่แสนจะประทับใจไว้เป็นที่ระลึก และเป็นการสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงให้โรแมนติกอีกด้วย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ISSUE 56