เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลาย ๆ ทฤษฎีที่เกี่ยวกับความรักมักจะบอกอยู่เสมอว่าการที่จะทำให้รักนั้นยั่งยืนอยู่ได้นาน ๆ นั้น ทั้งสองคนต้องหมั่นเติมความหวานให้กันและกันอยู่เสมอ ให้เหมือนกับความรักช่วงแรกเริ่ม สาว ๆ บางคนก็เลยทุ่มเททั้งกายและใจยอมทำทุกอย่างทั้งซื้อของ เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว และเซอร์ไพรส์คนรักเป็นว่าเล่น จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหากไม่จัดหนักจัดเต็มมากเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเลี่ยน เบื่อ และตีจากได้ ในวันนี้กระปุกดอทคอมมีเทคนิคสร้างบรรยากาศโรแมนติก น่ารัก ๆ พร้อมกับรักษาความสัมพันธ์เอาไว้มาฝากกัน
1. บอกรักกันเป็นประจำหลาย ๆ คนทั้งที่กำลังอินเลิฟและเคยมีความรักต่างก็รู้กันดีว่า ช่วงแรกรักเริ่มต้นด้วยความหวานมากมาย บรรยากาศรอบตัวก็เป็นสีชมพูไปหมด แต่แล้ววันเวลาก็พัดพาเอาความรู้สึกเหล่านั้นหายไป กลายมาเป็นความขมขื่นและเบื่อหน่ายแทนเกือบจะทุกคู่เลยทีเดียว ฉะนั้น หากไม่อยากให้ตัวเองต้องพบเจอปัญหาอย่างที่กล่าวมา ควรจะแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่ารักอยู่เสมอ แต่เปลี่ยนวิธีการบอกแบบอื่น ๆ บ้าง อย่างเช่น ซื้อของให้ ทำกับข้าว หรือชวนกันไปเที่ยวก็ได้
2. ห่วงใยกันอยู่เสมอ บางครั้งการบอกรักไม่จำเป็นต้องทำในวันพิเศษ หรือจัดงานยิ่งใหญ่อลังการแบบคนอื่น ๆ เพียงแค่ใส่ใจกันและกันเป็นประจำ หรือทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้บ่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว อย่างเช่น ช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้ก่อนออกไปทำงาน ดูแลกันในยามที่ป่วยไข้ หรือทำงานบ้านแทนเมื่ออีกคนไม่มีเวลา เป็นต้น สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้แหละ ที่จะช่วยประคับประคองให้รักยาวนานยิ่งขึ้น
3. คอยดูแลกันไม่ห่างการดูแลใส่ใจ และเรื่องเวลา เป็นสองสิ่งสำคัญที่คนรักควรหยิบยื่นให้แก่กันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งตอนที่อยู่ด้วยกันและในเวลาที่ห่างไกลกัน อย่างเช่น หลังเวลางานหาโอกาสไปทานข้าวด้วยกัน และถามไถ่กันบ้างว่า งานเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า มีปัญหาอะไรไหม และในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเที่ยวกับเพื่อน ก็โทรศัพท์หากันบ้างหลังจากที่เขากลับถึงบ้านแล้ว เป็นต้น
4. พูดคุยให้มากขึ้นทุกคนต่างรู้ดีว่าการพูดคุยกันนั้นจะทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันได้ แต่มีส่วนน้อยนักที่จะทำได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่พูดมักจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า หรือไม่ก็อาจจะเหนื่อยจากการทำงานพอกลับมาถึงบ้านก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อรู้แบบนี้ก็ถึงเวลาที่ทั้งสองคนควรจะพูดคุยกันให้มากขึ้น โดยเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แก่ ความชอบส่วนตัว งานอดิเรก แล้วค่อยขยายไปถึงเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต
5. เว้นระยะระหว่างกันเมื่อมีคนรักแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำตัวติดกันตลอดเวลาทั้งวัน เพราะนอกจากจะทำให้ต่างฝ่ายต่างเบื่อหน่ายกันได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังเป็นการตัดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแบบทางอ้อมด้วย หากเป็นไปได้ควรจะแบ่งเวลาให้กับครอบครัวและเพื่อนบ้าง อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งจะได้ไม่รู้สึกห่างเหินกันจนเกินไป อีกทั้งยังมีเวลาความคิดถึงได้ทำงานอีกด้วย
6. มองโลกในแง่ดีใคร ๆ ต่างก็ชอบอยู่ใกล้กับคนร่าเริงกันทั้งนั้น เพราะคนประเภทนี้ทำให้คนรอบข้างสบายใจไปด้วย ฉะนั้น ถ้าอยากจะให้คนรักอยู่กับเรานาน ๆ ควรปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้แจ่มใสเข้าไว้ มองโลกในแง่ดี และรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรน ให้อภัยเมื่ออีกฝ่ายทำผิดบ้าง หากเครียดจากการทำงานลองชวนคนรักไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ดูบ้าง เพื่อเป็นการพักผ่อนและกระชับความสัมพันธ์ไปในตัว
7. สื่อรักผ่านภาษากายคำพูดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ว่ารัก ฉะนั้น ควรจะสื่อผ่านภาษากายหรือการกระทำบ้าง อย่างเช่น ยกน้ำมาให้ดื่มหรือทำอาหารให้ทานหลังจากที่เขากลับมาถึงที่บ้าน จูงมือกันขณะที่กำลังเดินช้อปปิ้ง และในวันที่เขาช่วยทำงานบ้านก็เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นการสวมกอดหรือหอมแก้มบ้าง แค่นี้ก็ทำให้เขาปลื้มมากแล้วล่ะ
8. วันวานเติมความหวานบางครั้งอดีตใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายเสมอไป โดยเฉพาะกับคนที่กำลังอินเลิฟอยู่ในขณะนี้ เพราะเราสามารถจะเรียกเรื่องราวเก่า ๆ และความทรงจำในอดีตมาเติมความหวานให้กับความรักได้ ด้วยการเก็บรูปที่เคยถ่ายด้วยกันมาร้อยเรียงลงสมุดพร้อมกับเขียนบรรยายสั้น หรือตัดต่อคลิปวิดีโอซึ้ง ๆ ประกอบด้วยเพลงเพราะความหมายดี ๆ เอาไว้ให้ในวันพิเศษก็ได้
9. ซื่อสัตย์และให้เกียรติกันไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังคนรักควรจะให้เกียรติและซื่อสัตย์ต่อกันเสมอ ด้วยการไม่กล่าวหาว่าร้ายหรือนอกใจด้วยการข้องแวะกับคนอื่น ๆ ในทางชู้สาวหรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ เพราะถ้าหากเผลอตัวเผลอใจไปเมื่อไหร่ความเชื่อใจก็จะหมดไปทันที และความรักก็อาจไม่เหมือนเดิมอีกเลยก็ได้
การประคับประคองความรักให้ผ่านไปได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ใช่แค่การบอกรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรกระทำเพื่อสื่อความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ด้วย เพื่อทำให้เขามั่นใจได้ว่าพร้อมจะยืนข้างกันตลอด อีกทั้งยังเป็นการเติมความหวานแบบพอดีไม่มากไปหรือน้อยไป สามารถจะทำให้กันและกันได้เรื่อย ๆ ตราบนานเท่านานเลยล่ะ
