เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ในวันแต่งงานเจ้าสาวก็อยากดูสวยที่สุดเป็นธรรมดา ดังนั้น ช่วงเวลาก่อนแต่งงานประมาณ 3 เดือน ต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นิสัยบางอย่างที่ทำจนเคยชินและส่งผมเสียต่อสุขภาพ หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้ความงามของสาว ๆ ลดลงหรือส่งผลเสียกับงานแต่งก็หลีกเลี่ยงไปก่อน เช่น นอนดึก ดื่มกาแฟ ฯลฯ ซึ่งกระปุกเวดดิ้งได้รวบรวมสิ่งต้องห้ามต่าง ๆ เหล่านั้นมาฝากกันค่ะ
.gif){kind=icon}
1. ห้ามนอนดึกเนื่องจากการตระเตรียมงานแต่งเป็นเรื่องใหญ่และค่อนข้างวุ่นวายมากทีเดียว อีกทั้งยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพอีกต่างหาก พอกลับมาถึงบ้านแทนที่จะได้พักผ่อน หลาย ๆ คนยังวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งงานต่ออีก จึงทำให้คุณเข้านอนดึกโดยไม่รู้ตัว เพราะทำอะไร ๆ จนเพลิน สิ่งที่ตามมา คือ ใบหน้าโทรม ดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส นอกจากนี้ ยังรู้สึกไม่สดชื่นหรือเพลียในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย แม้ว่าคุณจะอยากจัดการเรื่องงานแต่งด้วยตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม ควรขอให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาช่วยบ้างก็ได้ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ งานเสร็จเร็วแถมไม่เสียสุขภาพอีกด้วย
2. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนผสมเนื่องจากเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และคาเฟอีนจะมีประมาณแคลอรีสูงแล้ว แอลกอฮอล์ยังทำให้ใบหน้าดูบวมขึ้นและอาจมีร่องรอยแดงปรากฏขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งดูไม่สวยงามเวลาสวมชุดแต่งงาน นอกจากนี้ คาเฟอีนยังนำไปสู่สภาวะขาดน้ำของร่างกาย และส่งผลให้ท้องผูกได้ การดื่มกาแฟมากเกินไปยังสามารถทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลมากได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
3. ห้ามเปลี่ยนใจในเรื่องที่ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วเป็นเรื่องปกติของคู่รักที่กำลังจะจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์นั้น ต้องการให้งานแต่งของตัวเองออกมาดีเลิศและสมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้น เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วก็อาจถูกหยิบขึ้นมาคิดใหม่อีกครั้ง และอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการทำเช่นนี้จะให้เกิดความเครียดมากขึ้นเดิมโดยไม่รู้ตัว เพราะว่ามัวแต่พะวงว่าอย่างนั้นดีกว่า แบบนี้ดีกว่า เอาเป็นว่าอะไรที่ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องไปหยิบยกมาขบคิดใหม่แล้ว การเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายมักมาพร้อมกับความผิดพลาดเสมอ เพราะว่าเวลามันกระชั้นชิดมากขึ้นเรื่อย ๆ การคิดหรือจัดการอะไรก็ย่อมมีประสิทธิภาพที่น้อยกว่าการตัดสินใจครั้งแรก
4. ห้ามกันคิ้วเองการถอนหรือแวกซ์ขนคิ้วทำให้เกิดรอยแดง และต้องใช้เวลาสักระยะกว่ารอยเหล่านั้นจะจางหายไป รวมถึงการโกนขนคิ้วออกด้วย เพราะถ้าหากโกนไม่ดีจะให้คิ้วแหว่ง กว่าจะงอกก็ต้องใช้เวลาอีกเหมือนกัน อาจจะไม่ทันวันพิธีก็ได้ ลองให้ช่างแต่งหน้าที่กันคิ้วเก่ง ๆ ทำให้จะดีกว่า จะได้คิ้วที่ออกมาได้รูปเข้ากับใบหน้า และควรกันก่อนวันแต่ง 3 วัน หลังจากนั้นก็ปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก
5. ไม่ต้องเปลี่ยนวิธีการดูแลรักษาผิวหน้าเคยดูแลผิวหน้าอย่างไรก็ทำเหมือนเดิม หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใดก็ไม่ควรเปลี่ยน เพราะถ้าเกิดอาการแพ้ขึ้นมาจะหายไม่ทันวันงาน แต่สำหรับบางคนที่อยากไปหาหมอผิวหนังเพื่อปรับฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส่ ก็สามารถทำได้แต่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย 2 อาทิตย์ก่อนถึงวันงาน เนื่องจากการไปทำหน้ากับหมอจะทำให้ผิวหน้าแห้ง และอาจมีรอยแดงที่เกิดตามมา ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันกว่ารอยแดงเหล่านั้นจะหาย
6. ห้ามดื่มแต่น้ำผลไม้เพราะกลัวน้ำหนักเพิ่มก่อนถึงวันแต่งงานบางคนก็อดอาหาร ไม่ยอมทานอะไรนอกจากน้ำผลไม้เพราะว่ากลัวอ้วน แต่คุณรู้ไหมว่าในวันงานต้องใช้พลังงานมหาศาลทีเดียว ตั้งแต่งานเริ่มจนเสร็จสิ้น ไม่ถ้าทานอะไรเลยจะทำให้เป็นลมได้ ดังนั้น ควรทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ เพื่อที่จะสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างในวันแต่งได้อย่างราบรื่น
7. ห้ามฉีดสเปรย์หรือทาโลชั่นที่ทำผิวกลายเป็นสีแทนคงไม่มีเจ้าสาวที่ไหนมีสีผิวแทน หรือดูไหม้เกรียมแปลกตาหรอกจริงไหมล่ะ ทุกคนคงอยากมีผิวที่ขาวผ่องเนียนสวยดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น อย่าเพิ่งใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เลยค่ะ รอให้งานวิวาห์ผ่านพ้นไปก่อนแล้วค่อยใช้ดีกว่า
8. ห้ามทำอะไรกับผมทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นการตัด ซอย ดัด หรือแม้แต่ทำสีผม เพราะว่ามันอาจจะส่งผลกระทบต่อทรงผมในวันงานวิวาห์ที่คุณเลือกไว้ก็ได้ สิ่งที่พอจะทำได้คือตัดเล็มปลายผมเล็กน้อยเท่านั้น หรือบำรุงผมด้วยการอบไอน้ำ เคลือบเงา ฯลฯ เน้นบำรุงผมเพียงอย่างเดียวห้ามตัดหรือทำสีเด็ดขาดเลย
สาว ๆ ทั้งหลายที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมตัวเผลอทำอะไรตามใจตัวเองซะล่ะ ต้องมีสติและระมัดระวังว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องห้ามบ้าง เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง อดทนหน่อยนะจ้ะ เมื่อวันแต่งงานมาถึงจะได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไร้ซึ่งปัญหาความสวยงามมากวนใจ และงานแต่งจะได้ราบรื่นไปได้ด้วยดีจ้า
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
