เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ถ้าคุณเคยดูซีรีส์เรื่อง Sex in the city ที่เคยออกฉายในปี ค.ศ. 2003 คงจะจำฉากที่ แจ็ค เบอร์เกอร์ บอกเลิก แคร์รี่ แบรดชอว์ โดยการใช้กระดาษโพสต์อิท และอีก 10 ปีต่อมาเขาก็บอกเลิกเธออีกครั้งด้วย แต่เปลี่ยนเป็นการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์แทน ซึ่งหากเกิดขึ้นในชีวิตจริงคงไม่มีใครสามารถยอมรับเหตุการณ์นี้ได้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังคิดจะบอกเลิกแฟนด้วยวิธีเดียวกันนี้ ดร.เดวิด บาร์รา ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์แนะนำว่า "ก่อนตัดสินใจทำควรถามตัวเองดูก่อนว่า คุณรู้สึกอย่างไรหากต้องเป็นคน ๆ นั้นเสียเอง" เพราะหลังจากที่ข้อความถูกส่งออกไปแล้ว คุณอาจจะรู้สึกเสียใจนิดหน่อย หรืออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยสำหรับคนที่ส่งข้อความติดต่อกับคนอื่นบ่อย ๆ แต่สำหรับคนรับคงรู้สึกมากกว่าเสียใจแน่นอน
อีกทั้งการบอกเลิกด้วยการส่งข้อความผ่านตัวช่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ อีเมล รวมไปถึงโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจจะเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายกว่าวิธีอื่น ๆ แต่ทว่ากลับเป็นวิธีไม่ควรทำสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะไม่ให้เกียรติคนรักแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ถามเหตุผลที่มาที่ไป หรือปรับความเข้าใจเลย
ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ รศ.ดร.เบนจามิน ลี สาขาจิตวิทยาแห่งวิทยาลัยฮาเวอร์ฟอร์ด โดยเขาให้ความเห็นว่า สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือการพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวจะดีที่สุด เพราะถึงแม้จะเป็นวิธีที่ทำยาก แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าสาเหตุการเลิกราในครั้งนี้คืออะไร ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายก็ยังอยู่ในสายตา และมีความสำคัญกับคุณอยู่ เพราะสิ่งที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเจ็บปวดมากที่สุด คือ การเห็นคนที่ตัวเองรักเมินเฉย ไม่สนใจ และทำตัวห่างเหิน
ส่วนคนที่ยังอยู่ในฐานะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่แฟน ซึ่งหลังจากที่ออกเดทกัน 2-3 ครั้งแล้ว คุณคิดว่าเขายังไม่ใช่หรืออะไรก็ตาม และไม่อยากจะให้ความสัมพันธ์ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ควรจะพูดคุยตัวต่อตัวหรืออย่างน้อยโทรศัพท์ไปคุยก็ยังดี หากทำไม่ได้จริง ๆ เพราะคิดว่าส่งข้อความเป็นวิธีที่ดีที่สุด อย่าลืมให้เหตุผลด้วย
ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นฝ่ายโดนบอกเลิกเสียเอง หลังจากที่โทรศัพท์ดังและสัญชาตญาณของตัวเองบอกว่า นี่อาจเป็นข้อความครั้งสุดท้ายจากเขา อย่างมัวนิ่งเฉยหรือประชดด้วยการปิดเครื่อง แต่ให้ตอบอะไรกลับบ้าง อย่างเช่น เกิดอะไรขึ้น ? หรือมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เป็นต้น อย่างน้อย ๆ เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองและเขาได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน หรือรู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงทำแบบนี้กับคุณ หลังจากนี้จะได้ไม่มีเรื่องค้างคาติดใจกันอีกต่อไป
