การตัดสินใจเก็บข้าวของของตัวเองแล้วย้ายเข้ามาอยู่กับคนรัก ก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตได้เลยทีเดียว และบางครั้งการตัดสินใจครั้งนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ตามไปด้วยก็ได้ ซึ่งถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่หลายต่อหลายคนกลับมองเห็นเฉพาะด้านดี หรือคิดว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ เหมือนกับการเล่นพ่อแม่ลูกตอนเด็ก ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วมีปัจจัยมากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน หรือเรื่องส่วนตัว ฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจก็ลองถามตัวเองให้ดีเสียก่อนว่าคุณเตรียมพร้อมมามากพอที่จะย้ายเข้ามาอยู่กับคนรักแล้วหรือไม่
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่กับคนรัก คุณควรจะมั่นใจเสียก่อนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในขณะที่พวกคุณอยู่ในช่วงแรก ๆ หรือเพิ่งจะคบหาดูใจกันไม่นาน เพราะในช่วงนี้ต่างฝ่ายต่างก็เห็นเฉพาะด้านดี ๆ ของกันและกัน ฉะนั้นจึงอาจจะทำให้คุณมองข้ามข้อเสียของอีกฝ่ายไปได้ง่าย ๆ หากเป็นไปได้ควรจะพักแผนการนี้เอาไว้สักระยะ แล้วศึกษานิสัยใจคอกันให้ดีก่อนทั้งข้อดี-ข้อเสีย หลังจากนั้นค่อยมาตัดสินใจเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้ง
2. แน่ใจว่าจะสามารถอยู่ร่วมกันได้
โดพามีนหรือฮอร์โมนแห่งความรัก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณคิดไปว่าสามารถจะอยู่ร่วมกับเขาได้ ทั้งที่จริงแล้วคุณทั้ง 2 คน อาจจะแตกต่างกันคนละขั้ว และมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกันเลยก็ได้ ที่สำคัญหากพวกคุณทะเลาะกันก็ไม่สามารถแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วค่อยนัดออกมาคุยกันได้เหมือนเดิม ฉะนั้นอาจจะดีกว่าหากคุณให้เวลากับตัวเองได้เรียนรู้ความชอบของกันและกันแบบลึกซึ้ง กระทั่งมั่นใจแล้วว่าสามารถจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ
3. พร้อมที่จะแชร์สิ่งต่าง ๆ
นอกจากนี้ควรจะมองตัวเองให้ลึกลงไปกว่าเดิมว่าคุณพร้อมที่จะแชร์หรือแบ่งปันพื้นที่ต่าง ๆ ให้กับเขาหรือไม่ ทั้งเวลาส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยกับสิ่งของภายในบ้าน ถ้าคุณยังต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่มาก ไม่ต้องการจะใช้ตู้เสื้อผ้าร่วมกับใคร และไม่อยากให้มีข้อต่อรองใด ๆ เกิดขึ้น ก็ควรจะถอยออกมาคนละก้าวและพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคุณไม่ควรจะฟังคนรอบข้างมากเกินไป ไม่ว่าพวกเขาพยายามแนะนำทางออก หรือสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสมกับคุณ ในขณะที่คุณยังไม่พร้อมที่จะทำ
4. สามารถพูดคุยกันแบบเปิดเผย
การพูดคุยแบบเปิดเผยเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขและประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ก่อนที่พวกคุณจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน คุณควรจะเรียนรู้ที่จะพูดคุยแบบเปิดเผยในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่น่าลำบากใจ รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องใช้การตัดสินใจจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องเงินกับเรื่องเซ็กส์ ที่ควรจะพิจารณาให้แน่ใจจริง ๆ ว่าต่างฝ่ายต่างสามารถเติมเต็มความต้องการให้แก่กันและกันได้
5. ความพร้อมในการรับมือกับความขัดแย้ง
ถึงแม้คุณจะเป็นคู่รักกัน แต่อย่างไรก็ตามในสักวันหนึ่งต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นคุณควรมั่นใจด้วยว่าคุณจะสามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะได้ดีเมื่อเจอคำถามเหล่านี้ เช่น ให้ความเคารพความแตกต่างทางความคิด ทัศนคติกันมากน้อยแค่ไหน, ต่างฝ่ายต่างมีความสามารถในการควบคุมสติอารมณ์มากน้อยเพียงไร, ต่างฝ่ายต่างสามารถทำใจยอมรับ เผชิญหน้า และพูดคุยในขณะที่มีปัญหาค้างคาใจหรือไม่, คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์มากกว่าตัวเองบ้างหรือไม่ รวมถึงพยายามจะทำความเข้าใจเมื่อเกิดปัญหากับอีกฝ่ายบ้างหรือเปล่า เป็นต้น ถ้าคุณหรือเขายังไม่สามารถยอมรับความแตกต่าง หรือรับมือกับความขัดแย้งได้ไม่ดีพอ ก็ควรจะพูดคุยหรือทำข้อตกลงต่าง ๆ กันให้เข้าใจเสียก่อนตามคำถามที่ได้กล่าวมา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน
6. มีการวางแผนเรื่องเงินอย่างไร
คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องเงินมีความสำคัญกับการใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ ฉะนั้นพวกคุณจึงควรพูดคุยเพื่อทำการตกลงเรื่องการใช้จ่ายทุก ๆ ส่วนให้เรียบร้อย ว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายและรับผิดชอบคนละกี่เรื่อง รวมไปถึงการใช้บัญชีสำหรับเรื่องต่าง ๆ ส่วนในกรณีที่มีหนี้สิน พร้อมที่จะชำระด้วยกันหรือจะมีการสร้างหนี้ร่วมกันหรือไม่ อย่างเช่น การซื้อรถ คอนโด หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่สำคัญมีแผนการสำรองสำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วหรือไม่ อย่างไรบ้าง
7. คุณทั้ง 2 คนมีจุดประสงค์เพื่อการแต่งงานเหมือนกันหรือเปล่า
คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวด้านดี ๆ เกี่ยวกับการย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกันกับคนรักจากคนรอบข้าง ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นกับคุณก็ได้ นอกเหนือจากนั้นบางคนอาจจะอยากเข้ามาอยู่ร่วมกันด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตในอนาคต ฉะนั้นพวกคุณควรพูดคุยกันให้เรียบร้อย หากต่างฝ่ายต่างเห็นว่ามีแผนและจุดประสงค์หลักเพื่อการแต่งงาน ก็สามารถนำมาใช้เป็นเหตุผลในการย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันได้
8. แผนสำรอง
นอกจากนี้คุณควรจะคิดเอาไว้เสมอว่า ความคิดเรื่องการย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันกับคนรักไม่ใช่เรื่องของความผิดพลาดหรือเรื่องที่ถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญที่คุณควรคำนึงถึงก็คือแผนสำรองที่จะเอาไว้ใช้ในกรณีที่สถานการณ์ต่าง ๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
การย้ายเข้าไปอยู่ร่วมกับคนรักเปรียบเสมือนกับการทดลองอย่างหนึ่ง ที่คุณไม่มีทางคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ได้เลยจนกระทั่งพวกคุณย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันแล้วจริง ๆ และทุกอย่างจะเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นหลังจากผ่านไปประมาณ 6 สัปดาห์แรก ทั้งนี้หากมีฝ่ายใดฝ่ายใดรู้สึกอึดอัดก็ไม่จำเป็นต้องเลิกรากันเสมอไปอาจจะถอยออกมา แล้วศึกษานิสัยใจคอกันให้ถี่ถ้วน พร้อมกับปรับตัว จนกระทั่งถึงเวลาที่สมควรและคิดว่าน่าจะอยู่ร่วมกันได้ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันอีกครั้งก็ยังไม่สายเกินไปที่จะทำ
