1. ไม่มีความพยายามในการปรับตัว
แม้การมีความรักที่ดีคือการได้เป็นตัวของตัวเอง อย่างไรก็ตามหากตัดสินใจที่จะลองคบหากับใครสักคนหนึ่งแล้ว ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองด้วย ไม่ใช่ต่างคนต่างก็ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง หากเป็นแบบนี้ความรักคงไม่ราบรื่นอย่างที่คิดแน่นอน และการรักษามันเอาไว้ก็คงง่ายกว่านี้หากสามารถทำเช่นนั้นได้จริง ดังนั้นหากมีส่วนใดที่อีกฝ่ายไม่ชอบก็ควรปรับเปลี่ยนตัวเองบ้าง ในขณะเดียวกันหากอีกฝ่ายไม่สามารถปรับตัวเข้าหาคุณได้ ก็ควรยอมรับในด้านลบเหล่านั้นด้วยความรักจึงจะไปกันรอด
2. ไม่เคยเว้นพื้นที่ว่างสำหรับตัวเอง
บางครั้งความรักก็มีปัญหาได้เมื่อคน 2 คน พยายามจะกลายมาเป็นคนคนเดียวกัน จากที่เคยมีสังคมที่แตกต่างกันก็กลับกลายเป็นหนึ่ง ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องดี และรู้สึกสนุกสนานที่ได้ใช้เวลาร่วมกันตลอดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แต่อาจลืมไปว่าบางครั้งมันก็เป็นการกระทำที่มากเกินไป จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด เพราะต้องการเวลากับพื้นที่ส่วนตัวบ้าง ฉะนั้นต่างคนต่างหันไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง อยู่กับเพื่อนฝูงตัวเองบ้าง และแบ่งปันกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
3. ไม่เคยเรียนรู้วิธีสื่อสารกันให้เข้าใจ
สื่อสารที่ล้มเหลวไม่ได้สร้างความเข้าใจผิดระหว่างพวกคุณเท่านั้น แต่มันยังค่อย ๆ ทำลายความรักตามไปด้วย ซึ่งการสื่อสารที่ผิดพลาด ได้แก่ ใช้อารมณ์ในการพูดคุยมากเกินไป ไม่สนใจความต้องการของอีกฝ่าย และพยายามปกปิดบางอย่างไว้ไม่ให้คนรักรู้ หรือการไม่พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาตรง ๆ เป็นต้น ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากสถานการณ์ความรักแย่ลงตราบใดที่พวกคุณต่างก็เพิกเฉย ไม่สนใจที่จะเรียนรู้การสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน
4. ไม่เคยลืมความผิดพลาดในอดีต
แม้ความผิดพลาดในอดีตจะเป็นบทเรียนชั้นดีที่ช่วยสอนใจ แต่มันก็สามารถทำให้ความรักตกอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ได้เหมือนกัน หากนำมันมาตอกย้ำความผิดพลาดครั้งใหม่ของอีกฝ่าย ไม่สามารถที่จะยอมรับ ให้อภัย และเดินจากปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดได้ ในทางกลับกันความรักจะดียิ่งกว่าเดิมถ้ารู้จักการให้โอกาสอีกฝ่ายได้แก้ไข แล้วเดินหน้าสู่อนาคตไปพร้อม ๆ กัน
ก็หวังว่าบทเรียนทั้ง 4 ข้อ จะช่วยให้ความรักความสัมพันธ์ของทุกคู่รัก ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงกำลังคบหากันหรือแต่งงานมีครอบครัวกันไปแล้วมีความสุขอย่างที่ต้องการกันนะคะ