หลายคนอาจเสียใจเสียน้ำตาให้กับความรักที่จากไป และคิดว่าคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้หากต้องเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นคนรู้จักหรือเพื่อน
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นปัญหาเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่รักที่หย่าร้างกัน เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกันมามากมาย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอกับเหตุการณ์นี้พอดี และยังไม่รู้ว่าจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร ก็ลองทำตามวิธีที่เรานำมาฝากดูนะคะ เผื่อว่าจะได้ไอเดียและกำลังใจดี ๆ เอาไปใช้กัน
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นปัญหาเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่รักที่หย่าร้างกัน เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกันมามากมาย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอกับเหตุการณ์นี้พอดี และยังไม่รู้ว่าจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร ก็ลองทำตามวิธีที่เรานำมาฝากดูนะคะ เผื่อว่าจะได้ไอเดียและกำลังใจดี ๆ เอาไปใช้กัน
กิจกรรมง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกคน ถ้าหากกลัวว่าจะเหงาก็อาจจะเลือกสถานที่ที่มีคนออกกำลังกายเยอะ ๆ เช่น ฟิตเนสหรือในสวนสาธารณะ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เพิ่มความสดชื่นแจ่มใสลดความตึงเครียดได้แล้ว สุขภาพก็ยังกลับมาแข็งแรง แถมอาจจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกด้วย
2. ให้กำลังใจตัวเอง
ไม่มีกำลังใจที่ไหนจะดีและมีพลังมากไปกว่าการให้กำลังใจตัวเอง เพราะเหตุการณ์แบบนี้หากไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่เข้าใจ ฉะนั้นทุกครั้งที่รู้สึกโดดเดี่ยว เหงา เศร้า หรือท้อแท้ ให้พูดย้ำกับตัวเองเสมอว่าสู้ต่อไป พร้อมกับปล่อยวางทุกอย่างลง แล้วในสักวันหนึ่งก็จะสามารถก้าวต่อไปได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นหรือรู้สึกว่าอยู่คนเดียวอีกต่อไป
3. ตั้งเป้าหมาย
การหย่าร้างคงสร้างความเศร้าไม่ใช่น้อย และคงมีคนจำนวนมากที่หาทางออกไม่เจอ ดังนั้น แทนที่จะนั่งเศร้าเหงาหงอย ก็ลองเปลี่ยนมาคิดทบทวนเรื่องราวในชีวิตดูบ้าง ว่ามีความฝันอะไรบ้างแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปยังเรื่องนั้น พร้อมกับวางแผนสำหรับอนาคตและลงมือทำให้สำเร็จ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย
4. คิดบวกเสมอ
ยิ่งคิดในแง่ลบมากเท่าไรชีวิตก็จะแย่ลงมากเท่านั้น นอกจากจะเสียสุขภาพจิตแล้วยังทำให้ร่างกายทรุดโทรมตามไปด้วย ทางที่ดีควรจะปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ลองมองในด้านบวกดูบ้าง อาจจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อน ๆ หรืออ่านหนังสือประเภทให้กำลังใจก็ได้ นอกจากจะเป็นแรงฮึดสู้ที่ดีแล้วยังเป็นการศึกษาธรรมะไปในตัวด้วย
5. ฟังเพลง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเสียงเพลงสามารถกล่อมเกลาจิตใจกับอารมณ์ของคนเราได้จริง ๆ แถมแต่ละเพลงก็โดนใจเหมือนกับเขียนมาจากชีวิตเราอย่างไรอย่างนั้น ถ้าหากอยู่คนเดียวก็อาจจะสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น พร้อมกับเรียกความสนุกสนานกลับคืนมาด้วยการตะโกนร้องเพลงให้ก้องบ้าน เพื่อให้ความอึดอัดระบายออกมาทั้งหมด
6. ทำสมาธิ
การทำสมาธิไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเครียดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรามีเวลาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ช่วยให้สุขภาพจิตเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งช่วงแรกอาจจะยากหน่อยเพราะคงมีเรื่องราวมากมายให้คิด แต่เชื่อว่าหากฝึกไปนาน ๆ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะเลือกสวดมนต์แทนก็ได้
7. ทำงานอดิเรก
ชีวิตคู่คงมีเรื่องอะไรให้จัดการมากมายหลายอย่าง เพราะต้องคอยดูแลสามี ทำความสะอาดบ้าน หรืออื่น ๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะหันมาดูแลหัวใจตัวเอง โดยการทำงานอดิเรกหรือให้เวลากับสิ่งที่ชอบ เพื่อลบความคิดฟุ้งซ่านออกไป ที่สำคัญยังเป็นการผ่อนคลายไปในตัวด้วย เช่น ทำอาหาร ทำขนม วาดภาพ ถักไหมพรม เป็นต้น
8. ทุ่มเวลาให้กับลูก ๆ
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องลูก ๆ ของตัวเองอีกแล้ว ดังนั้นจากนี้ก็ย้ำเตือนกับตัวเองว่าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูก จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจหรือเสียดายเวลากับอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไป
9. อยู่กับเพื่อน ๆ
คนสำคัญที่คอยยืนเคียงข้างเราเสมอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม ถ้าหากรู้สึกเครียดหรือกดดันจนทนไม่ไหวจริง ๆ ก็อาจจะโทรศัพท์ไปพูดคุยระบาย ชวนกันออกไปช้อปปิ้งหรือกินอาหารอร่อย ๆ เป็นต้น เชื่อว่าเพื่อนทุกคนพร้อมที่จะรับฟังทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานขนาดไหนก็ตาม
10. วางแผนเที่ยว
เชื่อว่าทุกคนคงมีที่ที่อยากจะไปเที่ยวอยู่บ้าง แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้ไม่สามารถไปได้ ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน และอื่น ๆ ตอนนี้ในเมื่อเป็นอิสระแล้วก็วางแผนเที่ยวคนเดียวไปเลย จะเป็นทะเล ภูเขา หรือต่างประเทศก็ได้ ไม่แน่นะทริปนี้อาจจะเป็นเส้นทางที่ทำให้ได้เจอกับคนใหม่ก็ได้
ถึงแม้เรื่องหย่าจะเป็นปัญหาใหญ่และไม่มีใครอยากเจอ แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ควรจะจมอยู่กับความเศร้านาน เอาอารมณ์ด้านลบเป็นพลังพาตัวเองก้าวออกไปเปลี่ยนชีวิตสดใสเหมือนเดิมดีกว่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
huffingtonpost.com และ yourtango.com
