ไม่ว่าคุณจะรู้จักกับช่างทำผมประจำตัวมากี่ปี หรือจะมีคนให้หนังสือเกี่ยวกับทรงผมมากี่เล่ม คุณควรคัดแล้วดูหนังสือที่เกี่ยวข้องกับทรงผมสำหรับเจ้าสาวหลาย ๆ เล่ม และคัดเลือกทรงผมเผื่อเอาไว้หลาย ๆ แบบ เพราะแม้จะเป็นทรงผมที่ดูสวยงามบนหน้าหนังสือ แต่อาจไม่เหมาะกับใบหน้าของคุณก็ได้ ดังนั้นการเผื่อตัวเลือกเอาไว้จึงเป็นทางออกที่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาทรงผมใหม่
2. พูดกับช่างผมให้เข้าใจอย่างชัดเจน
สำหรับช่างตัดผมเองพวกเขาก็อยากจะบอกกับเจ้าสาวทุกคนว่า พวกเขาอยากให้เจ้าสาวทุกคนบอกความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน และรู้สึกดีกว่าเจ้าสาวที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย เพราะมันทำให้พวกเขาทำงานได้ง่ายขึ้นและแก้ไขทรงผมน้อยกว่า อีกทั้งสามารถบอกได้ตรง ๆ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะนี่คือวันที่สำคัญในชีวิตและจำเป็นต้องสวยที่สุด
3. ไม่ควรพยายามทำอะไรที่ไม่ใช่คุณ
คุณสามารถเปลี่ยนทรงผม ตัดผม หรือทำอะไรกับผมของคุณก็ได้ เพื่อให้ลุคออกมาดูดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรพยายามทำทรงผมเปลี่ยนตัวเองหรือเลียนแบบสไตล์ใด ๆ ที่ไม่ใช่คุณ เพราะมันจะบั่นทอนความกล้ากับความมั่นใจในตัวเอง และส่งผลให้แสงออร่าความเป็นเจ้าสาวในตัวคุณลดน้อยลงตามไปด้วย อีกทั้งอาจส่งผลให้คู่หมั้นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนอื่นไปเลยก็ได้
4. เลือกชุดแต่งงานให้ได้ก่อน
หากตอนนี้ยังไม่มีชุดแต่งงานให้ย้อนขั้นตอนกลับไปเลือกชุดแต่งงานก่อน เพราะมันเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการเป็นเจ้าสาว แล้วหลังจากที่สามารถตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานได้แล้วก็ค่อยสลับขั้นตอนกลับมาเป็นการเลือกทรงผมเจ้าสาวอีกครั้ง จะได้รู้ว่าทรงผมไหนควรหรือไม่ควรทำ เข้ากับชุดแต่งงานและใบหน้าของคุณดีหรือไม่
5. งดเปลี่ยนทรงผม
ช่วง 1-3 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงานเป็นช่วงที่เจ้าสาวไม่ควรตัด ดัด ทำสี หรือเปลี่ยนทรงผมเด็ดขาด ในขณะเดียวกันหากมีเวลาว่างก็ควรใช้เวลาเหล่านั้นในการดูแล หรือบำรุงเส้นผมของตัวเองให้สวยงามอยู่เสมอด้วย หากชีวิตยุ่งมากทุกวันก็ใช้แค่ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของเส้นผมบ้างก็ยังดี
6. ทดลองทำผมในวันที่ลองชุดแต่งงาน
เพื่อให้ตัวเองได้รู้ว่าทรงผมที่เลือกมาเหมาะสมกับชุด และเข้ากันดีกับองค์ประกอบอื่น ๆ หรือไม่ เช่น ใบหน้า เครื่องประดับ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวและความมั่นใจ หากไม่เหมาะสมก็จะได้มีเวลาทดลองทำผมทรงใหม่ที่เหมาะสมมากกว่า หรือหากยังไม่แน่ใจก็ถ่ายภาพหลังทำผมแต่ละทรงเสร็จ แล้วค่อยนำมาเปรียบเทียบกันอีกครั้งก็ได้
7. บำรุงผมสม่ำเสมอ
เพื่อให้เส้นผมสลวย เงางาม และดูดีที่สุดในวันนี้ อย่าลืมจัดตารางเวลาให้ดี แล้วพาตัวเองเข้าร้านเสริมสวยบ้าง เพื่อให้ช่างผมทำการดูแลและบำรุงให้กับคุณ เพราะบางครั้งผลิตภัณฑ์ผมที่ซื้อมาใช้เองอาจไม่เข้มข้นมากพอที่จะทำให้เส้นผมของคุณเป็นอย่างที่ต้องการได้ อีกทั้งหากทำด้วยตัวเองก็อาจต้องซื้ออุปกรณ์อีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
8. อย่าลืมดูเครื่องประดับผมด้วย
ถึงแม้ว่าทรงผมที่เลือกมาจะเป็นทรงผมสไตล์คลาสสิก แต่เครื่องประดับผมหรือแฮร์พีช ไม่ว่าจะเป็นผ้าคลุมผม เฮดแบนด์ หรือกิ๊บติดผม ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับการเป็นเจ้าสาวอยู่ดี อีกทั้งยังดูเจิดจรัสและเปล่งประกายราวกับเจ้าหญิงมากกว่าเมื่อมีเครื่องประดับติดผมด้วย
9. ถ่ายภาพหลังทำผมเก็บไว้
แม้จะได้ทรงผมที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรจะถ่ายภาพหลังทดลองทำทรงผมด้วย เก็บเอาไว้เป็นภาพตัวอย่างเพื่อนำไปสอบถามความคิดเห็นจากคนรอบข้าง อย่างเช่น เพื่อน คู่หมั้น หรือคนในครอบครัว เป็นต้น และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือให้ช่างผมดูก่อนที่จะลงมือจัดแต่งทรงผมในวันแต่งงานจริง ๆ ด้วย
10. ไม่ควรคิดมาก
บางครั้งทรงผมที่ดูธรรมดาก็ทำให้คุณดูดีกว่าทรงที่ทำอะไรเยอะ ๆ อีกทั้งยังให้ความสบายกับคุณมากกว่าด้วย หากเห็นว่ามันเหมาะสมกับคุณดีแล้ว แต่อยากทำให้ดูพิเศษมากขึ้น ก็ใช้เครื่องประดับผมหรือแฮร์พีชมาตกแต่งเพิ่มเติมก็ได้ เพื่อให้ทรงผมของคุณช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับวันสำคัญ พร้อมเพิ่มความสวยงามให้กับภาพถ่ายของคุณ
การเลือกทรงผมเจ้าสาวให้กับตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เริ่มจากถามความชอบของตัวเองก่อน จากนั้นก็มาเปรียบเทียบว่าเหมาะสมกับองค์ประกอบอื่น ๆ บนร่างกายหรือไม่ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ชุดแต่งงาน บุคลิก รวมไปถึงความมั่นใจในตัวเอง หากคิดว่าใช่แล้วก็ตัดสินใจได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
heritagegown.com, theknot.com และ latest-hairstyles.com