x close

7 ข้อเสียของการติดเทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์

ความรัก

          ติดเทคโนโลยีมากเกินไปนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ความรักของคุณและคนรอบข้างได้นะคะ

          ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและถือเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน นอกจากเราจะใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ แล้ว เรายังใช้เทคโนโลยีในการเสพข่าวสารหรือหาความรู้ได้มากมาย แต่ในขณะเดียวกันการใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ได้เช่นกัน ซึ่งเราได้หยิบยก 7 พฤติกรรม การใช้เทคโนโลยีที่ส่งผลด้านลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคนรักรวมทั้งคนรอบข้างมาบอกเล่ากัน

1. เดทออนไลน์

          อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากบังเอิญคุณไปเจอรูปโปรไฟล์ของชายหนุ่มหล่อล่ำจนอยากรู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณแน่ใจได้อย่างไรว่านั่นเป็นรูปโปรไฟล์ของเขาจริง ๆ หรือข้อมูลสวยหรูต่าง ๆ ที่อยู่หน้าไทม์ไลน์ของเขาจะไม่ได้สร้างมาเพื่อโกหกคุณ ก่อนจะตกลงปลงใจคบใครเป็นแฟน เรียนรู้จักกันในชีวิตจริงดีกว่าการเดทกันผ่านโลกออนไลน์นะคะ

2. ติดเกม

          การเล่นเกมเพื่อคลายเครียดไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่หากเกมเล่นแล้วทำให้คุณเครียดเพราะต้องการเอาชนะนี่สิจะส่งผลต่อความสัมพันธ์และหน้าที่การงานของคุณโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนติดเกมแบบที่ไม่หลับไม่นอนหรือว่างเมื่อไรเป็นต้องเล่นจนไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น ๆ เลย เชื่อสิว่าคุณจะพลาดเรื่องดีเรื่องอื่น ๆ ไม่น้อยเลย

3. ผลเสียต่อสุขภาพ

          การใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยีมากเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพ หากคุณเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ระหว่างเดินทางก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หรือนิ้วล็อกในกรณีที่คุณใช้นิ้วจิ้มอยู่กับคีย์บอร์ดทั้งวันแบบไม่รู้จักบริหารนิ้วเลย หรือสายตาของคุณก็มีสิทธิ์พร่ามัวรวมทั้งเกิดการอักเสบได้เพราะตาแห้งได้เช่นกัน



4. ติดโทรศัพท์

          สมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยสำคัญของคนในยุคนี้เลยก็ว่าได้ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้เวลาอยู่กับมันทุกครั้งที่ว่าง ไม่ว่าจะคุยโทรศัพท์, แชท, รับ-ส่งข้อความ, เล่นเกม หรืออะไรก็ตาม ลองห่างจากโทรศัพท์แล้วเอาเวลาไปสนใจเรื่องอื่น ๆ บ้าง การก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์หรือคุยกันผ่านหน้าจอไม่ทำให้คุณสนิทสนมกันเท่าคุยกันต่อหน้าหรอก...จริงไหม

5. ทะเลาะกันออกสื่อ

          แม้จะบอกว่าเฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณก็เถอะ แต่การที่คุณเที่ยวโพสต์ข้อความแง่ลบหรือด่าทอกันผ่านโซเชียลก็ไม่ต่างจากการที่คุณทะเลาะกันในที่สาธารณะ ที่สำคัญมันอาจส่งผลต่อหน้าที่การงานของคุณได้เช่นกัน ลองคิดดูว่าหากคุณมีผู้บริหาร เจ้านาย หรือลูกน้องเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก พวกเขาคงจะผวาไม่น้อยเมื่อเห็นด้านมืดของคุณบนโลกออนไลน์

6. กระทบเวลานอน

          ไม่ว่าจะเล่นเกม แชทไลน์ ดูความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก หากคุณอยู่กับมันมากเกินไปก็จะกระทบเวลานอนของคุณด้วย ดังนั้นเอาเวลาไปสวีทกับคนรักหรืออยู่กับครอบครัวบ้างจะดีกว่า แถมหากว่าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจทำให้คุณหงุดหงิด ฉุนเฉียว จนเผลอใส่อารมณ์กับคนรอบข้างได้เช่นกัน

7. แชร์ทุกอย่างลงโซเชียล

          การบอกเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันก็ทำให้เพื่อน ๆ ที่อยู่ไกลสามารถรับรู้ความเป็นไปของคุณให้หายคิดถึงได้ แต่หากว่าคุณจะโพสต์บอกทุกอย่างหรือโพสต์ข้อความถี่ ๆ ทุกนาทีก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เพราะนอกจากจะสร้างความรำคาญให้คนอื่น ๆ แล้ว มันยังเป็นการบอกให้รู้ด้วยว่าคุณมีทัศนคติต่อเรื่องต่าง ๆ อย่างไร เช่น คุณโพสต์บ่นไปซะทุกเรื่อง ทั้งรถติด ฝนตก ไฟดับ งานเยอะ ฯลฯ

          เทคโนโลยีเป็นเหมือนดาบสองคม ที่ด้านหนึ่งช่วยให้คุณสื่อสารกันอย่างสะดวกรวดเร็ว คลายเครียด และค้นหาความรู้ใหม่ ๆ ได้อย่างกว้างขวาง แต่อีกด้านหนึ่งหากว่าคุณใช้เทคโนโลยีมากเกินไปก็อาจทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงกับคนรอบข้าง ๆ ค่อย ๆ ลดน้อยถอยลง รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพด้วย ดังนั้นควรใช้เทคโนโลยีแบบพอดี ๆ และไม่ลืมที่จะใส่ใจความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
womanitely.com และ listverse.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
7 ข้อเสียของการติดเทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ อัปเดตล่าสุด 12 พฤษภาคม 2560 เวลา 11:41:03 5,313 อ่าน
TOP