ชาม ไอยวริญท์ - เจมส์ แอรอน โธมัส ควงคู่เข้าประตูวิวาห์สุดหวานชื่น บอกรักนี้คือฝันเป็นจริงพร้อมสัญญาว่าเราจะไม่อยู่ด้วยกันในชาตินี้แต่เราจะรักกันทุกชาติไป
หลังควงคู่เข้าพิธีหมั้นและพิธีสมรสตามพิธีแบบไทยและตะวันตกไปอย่างหวานชื่นเมื่อวานนี้ ล่าสุดในช่วงเย็นของวันนี้ 7 ธันวาคม 2558 คู่บ่าว-สาว ป้ายแดงอย่าง เจมส์ แอรอน โธมัส และ ชาม ไอยวริญท์ ก็ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสกันอย่างยิ่ลใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกดั่งเทพนิยายที่โรงแรม แกรนด์ ไฮเอท เออราวัณ
โดย สาวชาม ก็ได้ควงแฟนหนุ่ม เจมส์ โธมัส มาเปิดใจถึงความรู้สึกหลังแต่งงานกับสื่อมวลชนด้วยว่า "ความรู้สึกในวันนี้จริง ๆ แล้วมันมีหลายความรู้สึกมากค่ะ ตอนแรกคือเหนื่อยสุด ๆ แต่พอมาถึงจุด ๆ นี้แล้วมันทำให้เห็นว่าทุก ๆ คนรักชามมากแค่ไหน มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ มาช่วยกัน ได้เห็นความรักที่ทุกคนมีให้ทั้งชามและเจมส์ก็ทำให้ชามมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ
อยากให้พูดถึงความรู้สึกเมื่อวานนี้ตอนที่เจ้าบ่าวแห่ขันหมากมา
ชาม : ก่อนหน้านั้นตื่นเต้นมากว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานมันจะเสร็จทันหรือเปล่า แต่พอวินาทีที่ทุกอย่างเริ่มต้นแล้ว ได้มีโอกาสเห็นภาพได้เห็นเจ้าบ่าวมาแล้ว เพื่อน ๆ เจ้าบ่าวที่มาจากออสเตรเลีย รู้สึกอบอุ่นมาก ได้เห็นบรรยากาศในที่ ๆ เราโตมาอย่างโรงเรียนนานาชาติ ISB ทำให้ลืมความเครียดทั้งหมดและแฮปปี้มาก ๆ
ความรู้สึกตอนที่เห็นเจ้าบ่าวทำภารกิจผ่านประตูเงินประตูทอง
ชาม : เมื่อวานนี้มีโอกาสได้เห็นตอนที่เข้าแห่มา ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากเพราะเป็นสถานที่ที่เราโตมาด้วยกัน เพราะชามเรียนที่นั้นมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเกรด 12 แล้วเจอกับเจมส์ตอนที่เจมส์ย้ายมาเมืองไทยตอนเกรด 6 เวลาที่เห็นเขาเดินมารู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก ความเหนื่อยที่เราเคยมีมาก่อนหน้านี้มันหายไปหมดเลยค่ะ แล้วภารกิจต่าง ๆ ที่เขาต้องทำก็สนุกบ้าง ตลกบ้างแต่บางอันชามก็สงสารเขาเหมือนกัน อย่างอันที่ให้วิดพื้นให้ตบมือ อันนี้เป็นประตูสุดท้ายของญาติชามเองตอนที่ได้ยินก็ตกใจเหมือนกัน สงสารค่ะกลัวเขาไม่ผ่าน แต่เขาก็ทำได้ค่ะ อีกประตูเป็นประตูของพี่แคทมันซึ้งมากค่ะ เจมส์เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเตี้ยมอะไรค่ะ เขาจะบอกว่าขอพูดจากใจได้ไหม อันนั้นก็มาจากใจของเขา นิสัยเขาเป็นคนที่ไม่เฟค
เจมส์ : ตอนที่ต้องผ่านประตูเงินประตูทองเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเจออะไร แต่ละประตูก็อยู่ในการควมคุมของเพื่อน ๆ และครอบครัวของชาม ตอนที่เจอประตูที่จะต้องถามว่าชามเป็นคนยังไง ชอบอะไร ณ ตอนนั้นคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้วเขาอาจจะลืมไปบ้าง เขาตื่นเต้นประตูแรกที่สุด แล้วหลังจากนั้นก็เจอหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับพละกำลัง แล้วมันยากมากที่จะใส่สูทใส่กางเกงทำแบบนั้นแต่ก็ทำเต็มที่ ประตูสุดท้ายก็เจอร้องเพลงด้วย เป็นเพลงของเรา 2 คน ที่จริงเขาจำเนื้อได้อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นเขาจำไม่ได้เลยแต่ในที่สุดก็ร้องได้
ขอย้อนกลับไปตอนที่เรียนด้วยกัน แล้วทั้งคู่เริ่มคบกันตอนไหน
ชาม : เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 11 ค่ะ ตอนนั้นเหมือนเจมส์เป็นคนที่ดังในโรงเรียนเพราะเขาเป็นนักกีฬาด้วย แล้วเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันเวลาที่จะเรียนก็ไม่ได้เรียนตรงกัน จนกระทั่งมาเจอกันในคลาสเต้น ก็ได้คุยกันและรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็เจอหน้ากันทุกวัน หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้เจอกันประมาณ 10 ปี เพราะว่าเหมือนโชคชะตา จังหวะชีวิตมันคลาดกันตลอด เวลาที่เขามาเมืองไทยเราก็ไม่ว่างถ่ายละครอยู่ จนกระทั่งวันนึงก็ว่างตรงกัน พอเขาทักเฟซบุ๊กมาเราก็คุยกันมันก็เลยคลิกกัน หลังจากที่เราไม่ได้คุยกันแบบเพื่อนลึกไปเรื่อย ๆ เพียงแค่ 2 วันชามก็รู้แล้วว่าชามต้องแต่งงานกับคนนี้
ตอนที่คบกันเราอยู่ห่างกันละประเทศมีวิธีรักษาความรักอย่างไรบ้าง
ชาม : ช่วงที่คบกันแล้วอีกคนอยู่ต่างประเทศมันเป็นช่วงที่ยากนะคะ มันจะต้องใช้ความรัก ความอดทน ความเข้าใจมากค่ะ โชคดีที่เราโตกันมาในยุคที่มันมีเฟซทาม สไกค์ แอพต่าง ๆ ที่ทำให้ความรักเรายืดยาวไปได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงยาก ชามเชื่อว่าการคบกันระยะไกลมันเป็นสิ่งที่ยากและทรมานมากแต่ถ้าผ่านไปได้เราก็จะสามารถผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกันได้แน่นอน
เจมส์ : มันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เขาเคยทำในชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจมาก ก็คือการที่ชามตอบคำถามชีวิตเขาว่าในที่สุดแล้วเขาจะต้องลงเอยกับใคร พอเขาได้คำตอบแล้วทุกอย่างก็ดูง่ายไปเลยค่ะ
อะไรเป็นสัญญาณบอกว่าเราเลือกผู้ชายคนนี้
ชาม : ภาพตอนเด็ก ๆ ที่ชามมองเขา ชามคิดว่าเขาเป็นคนซ่า ๆ แนวลุย ๆ แต่พอได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วเขาเป็นคนที่น่ารัก ใจอ่อนมาก พอได้คุยกันจริง ๆ แล้วทุกอย่างที่เราต้องการอยู่ในตัวเขาหมดเลย
โมเม้นท์ขอแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง
ชาม : จริง ๆ แล้วเราเคยพูดกันไว้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่คบกันแรก ๆ เจมส์เขาก็บอกว่าเขาไปไหนไม่ได้แล้วเพราะว่าเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วชามก็ไม่นึกว่าเขาจะขอเร็วขนาดนี้ด้วย ไม่นึกว่าเขาจะขอเร็วขนาดนี้เขาเซอร์ไพรส์ในวันเกิดเพราะชามเป็นคนไม่ได้จัดงานวันเกิดอยู่ เขาทำงานหนักมากเลยเพราะต้องคุยกับแม่ของชาม ผู้จัดการด้วยว่าจะนัดยังไงให้ชามเซอร์ไพรส์ นัดเพื่อน ๆ พี่ ๆ มาให้หใดเลย ชามก็นึกว่าเป็นการจัดวันเกิดเฉย ๆ แต่ในที่สุดก็เป็นการคุกเข่าขอแต่งงาน ก็ตกใจมากเลยวันนั้นเราก็ดีใจค่ะ
มีข่าวว่าสินสอดอลังการถึง 100 ล้านบาท
ชาม : ว้ายเอามาจากไหน ไม่หรอกค่ะ คือที่จริงเราก็คุยกันไว้แล้วว่าบ้านชามไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่นับจากวินาทีนี้ไปเขาทำได้เท่าไรให้ชามหมด จริง ๆ มันเป็นไอเดียของเขา แล้วที่บ้านชามรักเจมส์เพราะว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเขาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวของเขาเองและได้มายืนถึงจุดนี้ชามว่าชามฝากชีวิตไว้กับเขาได้ค่ะ
หลังจากนี้จะบินไป ๆ มา ๆ หรือเปล่า
ชาม : เจมส์เขาอยากย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะ เขาก็เลยเลือกทำงานเกี่ยวกับโซลา ประหยัดพลังงาน เขาทำทุกอย่างเองหมดเลยตอนนี้มีที่ไทยแล้ว ที่ออสเตรเลียก็มีด้วย ตอนนี้ก็จะย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยค่ะ ส่วนเรื่องเรือนหอด้วยความที่ชามเป็นลูกคนเดียว หลานสาวคนเดียวของปู่ย่าตายายก็มีกฎว่าลูกเขยจะต้องย้ายเข้าบ้าน ตอนแรกชามก็นึกว่ามันยากเพราะหลายคนก็ไม่โอเคกับตรงนั้น แต่เจมส์เขาโอเคและเข้ากัยที่บ้านชามได้ดีมาก ๆ
หลังจากนี้จะมีทายาททันทีเลยไหม
ชาม : ขอรอดูก่อนค่ะ แต่เจมส์เขาก็บอกว่าเขาพร้อมทุกเมื่อ ส่วนชามก็ยังติดละครอยู่เรื่องนึงขอจบแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีค่ะ และด้วยความที่ชามเป็นลูกครเดียวชามจะไม่มีทางมีลูกคนเดียวค่ะ ก็อยากมี 2 คนไม่อยากเกินจากนั้น อยากได้เป็นแฝดค่ะ
เจมส์ : อยากมี 2 คนหรือมากกว่านั้น
วางแพลนฮันนีมูนกันไว้บ้างหรือยัง
ชาม : ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เพราะว่ามุ่งเรื่องงานแต่งอย่างเดียวเลย แต่เจมส์เขาชอบทะเล คิดว่าคงไปไหนสักที่ที่เป็นทะเลค่ะ ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสก็จดเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ชื่อในวงการชามจะเป็น ชาม โอสถานนท์ โธมัส ค่ะ
ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรกันไหม
ชาม : เมื่อวานนี้ก็ได้สัญญาไว้ว่าจะรักคนนี้ตลอดไป
เจมส์ : เขาสัญญาว่าจะรักและดูแลชามตลอดไป เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชามเสียใจหรือร้องไห้ และเราจะไม่อยู่ด้วยกันแค่ในชาตินี้แต่จะอยู่ด้วยกันทุก ๆ ชาติไป
เรื่องงานในวงการของชามหลังจากแต่งงานจะเป็นอย่างไรบ้าง
ชาม : คือเจมส์ทราบว่ามันเป็นสิ่งที่ชามรักอยู่แล้วนะคะ เขาไม่ห้ามที่ชามจะตัดสินใจทำงานอะไร แต่จากนี้ไม่ว่าจะเข้ามาจากทางชามหรือเจมส์เราก็จะปรึกษากันทุกเรื่องเพราะเราไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว เรื่องงานเซ็กซี่อันนี้ก็คุยกันอยู่แล้ว ชามทราบว่าชามจะต้องยังไง
ตัวเจมส์เองมีอะไรอยากจะบอกชามไหม
เจมส์ : ชามเหมือนเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้เหมือนฝันเป็นจริง แล้วก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตเขา ตอนนี้เหมือนยังอยู่ในความฝันอยู่เลย เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหันไปมองหรืออยู่กับผู้หญิงคนไหนได้
ทำไมวันนี้ถึงเลือกใส่ชุดไทยในงานแถลงข่าว
ชาม : ชามใส่แล้วภูมิใจในความเป็นไทยมาก ๆ เลย ชามถึงเลือกที่จะใส่ชุดไทยในงานแถลงข่าว เจมส์เองก็ชอบชุดไทยมากเขาก็บอกว่าเวลาแถลงข่าวอย่าใส่ชุดอื่นเพราะเขาชอบเวลาที่ชามใส่ชุดไทยมากที่สุดค่ะ
อยากให้พูดถึงธีมงานในวันนี้
ชาม : เริ่มตั้งแต่การ์ดแต่งงานอันนี้เป็นไอเดียของคุณแม่ชามค่ะ ด้วยความที่ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเฮฮา เราก็อยากให้แขกเข้าเปิดการ์ดแล้วหัวเราะทันที ธีมงานก็อยากให้ทุกคนมาแล้วมีความสุข มีรอยยิ้มตลอดเวลา ในงานก็จะย้อนเรื่องราวของเราที่เจอกันในวัยเรียน มีโบว์ลิ่งที่เขาขอแต่งงาน มีมงกุฎ ธีมงานเป็นสนุก ส่วนสีเป็นสีเขียว-ทอง เป็นออสเตรเลียในเมื่อเขาพร้อมที่จะให้ตัวเองเป็นฝรั่งหัวใจไทยก็อยากจะตอบแทนญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ เขา ก็อยากให้สีเป็นเขียว-ทองค่ะ ชามก็อยากจะขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มาในวันนี้ การที่ชามได้อยู่ในวงการมากว่า 10 ปี พี่ ๆ ทุกคนก็น่ารักกับชามมาตลอด ก็อยากให้ทุกคนแฮปปี้กับงานค่ะ
นอกจากนี้ สาวชาม ยังได้พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวเองอีกว่า "ชามคิดว่ามันเป็นสิ่งงที่แปลกมาก เพราะก่อนหน้านี้ชามเคยหมดศรัทธาในเรื่องความรักไปแล้วสักพักนึง และชามคิดว่าความรักที่เราต้องการที่แท้จริงมันไม่สามารถที่จะเจอได้ แต่ว่าเจมส์เป็นคนที่ชามแอบชอบมาตั้งแต่เด็กและเราก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปเพราะเราเป็นผู้หญิง แต่พอ 10 ปีผ่านไปเจมส์เขาก็มาสารภาพว่าตัวเขาก็ชอบชามตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนไทยจะไปลงเอยกับฝรั่ง และเขาก็เลยไม่กล้าที่จะทำร้ายตัวเองด้วยการเข้ามาจีบ เขาก็เลยรอไปแล้วมันเหมือนพล็อตในหนังหลังจากนั้น 10 ปีความลับเปิดเผยแล้วทุกอย่างมันก็เลยเร็วได้ เราก็เลยแต่งงานกัน"
หลังควงคู่เข้าพิธีหมั้นและพิธีสมรสตามพิธีแบบไทยและตะวันตกไปอย่างหวานชื่นเมื่อวานนี้ ล่าสุดในช่วงเย็นของวันนี้ 7 ธันวาคม 2558 คู่บ่าว-สาว ป้ายแดงอย่าง เจมส์ แอรอน โธมัส และ ชาม ไอยวริญท์ ก็ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสกันอย่างยิ่ลใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกดั่งเทพนิยายที่โรงแรม แกรนด์ ไฮเอท เออราวัณ
โดย สาวชาม ก็ได้ควงแฟนหนุ่ม เจมส์ โธมัส มาเปิดใจถึงความรู้สึกหลังแต่งงานกับสื่อมวลชนด้วยว่า "ความรู้สึกในวันนี้จริง ๆ แล้วมันมีหลายความรู้สึกมากค่ะ ตอนแรกคือเหนื่อยสุด ๆ แต่พอมาถึงจุด ๆ นี้แล้วมันทำให้เห็นว่าทุก ๆ คนรักชามมากแค่ไหน มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ มาช่วยกัน ได้เห็นความรักที่ทุกคนมีให้ทั้งชามและเจมส์ก็ทำให้ชามมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ
อยากให้พูดถึงความรู้สึกเมื่อวานนี้ตอนที่เจ้าบ่าวแห่ขันหมากมา
ชาม : ก่อนหน้านั้นตื่นเต้นมากว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานมันจะเสร็จทันหรือเปล่า แต่พอวินาทีที่ทุกอย่างเริ่มต้นแล้ว ได้มีโอกาสเห็นภาพได้เห็นเจ้าบ่าวมาแล้ว เพื่อน ๆ เจ้าบ่าวที่มาจากออสเตรเลีย รู้สึกอบอุ่นมาก ได้เห็นบรรยากาศในที่ ๆ เราโตมาอย่างโรงเรียนนานาชาติ ISB ทำให้ลืมความเครียดทั้งหมดและแฮปปี้มาก ๆ
ความรู้สึกตอนที่เห็นเจ้าบ่าวทำภารกิจผ่านประตูเงินประตูทอง
ชาม : เมื่อวานนี้มีโอกาสได้เห็นตอนที่เข้าแห่มา ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากเพราะเป็นสถานที่ที่เราโตมาด้วยกัน เพราะชามเรียนที่นั้นมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเกรด 12 แล้วเจอกับเจมส์ตอนที่เจมส์ย้ายมาเมืองไทยตอนเกรด 6 เวลาที่เห็นเขาเดินมารู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก ความเหนื่อยที่เราเคยมีมาก่อนหน้านี้มันหายไปหมดเลยค่ะ แล้วภารกิจต่าง ๆ ที่เขาต้องทำก็สนุกบ้าง ตลกบ้างแต่บางอันชามก็สงสารเขาเหมือนกัน อย่างอันที่ให้วิดพื้นให้ตบมือ อันนี้เป็นประตูสุดท้ายของญาติชามเองตอนที่ได้ยินก็ตกใจเหมือนกัน สงสารค่ะกลัวเขาไม่ผ่าน แต่เขาก็ทำได้ค่ะ อีกประตูเป็นประตูของพี่แคทมันซึ้งมากค่ะ เจมส์เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเตี้ยมอะไรค่ะ เขาจะบอกว่าขอพูดจากใจได้ไหม อันนั้นก็มาจากใจของเขา นิสัยเขาเป็นคนที่ไม่เฟค
เจมส์ : ตอนที่ต้องผ่านประตูเงินประตูทองเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเจออะไร แต่ละประตูก็อยู่ในการควมคุมของเพื่อน ๆ และครอบครัวของชาม ตอนที่เจอประตูที่จะต้องถามว่าชามเป็นคนยังไง ชอบอะไร ณ ตอนนั้นคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้วเขาอาจจะลืมไปบ้าง เขาตื่นเต้นประตูแรกที่สุด แล้วหลังจากนั้นก็เจอหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับพละกำลัง แล้วมันยากมากที่จะใส่สูทใส่กางเกงทำแบบนั้นแต่ก็ทำเต็มที่ ประตูสุดท้ายก็เจอร้องเพลงด้วย เป็นเพลงของเรา 2 คน ที่จริงเขาจำเนื้อได้อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นเขาจำไม่ได้เลยแต่ในที่สุดก็ร้องได้
ขอย้อนกลับไปตอนที่เรียนด้วยกัน แล้วทั้งคู่เริ่มคบกันตอนไหน
ชาม : เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 11 ค่ะ ตอนนั้นเหมือนเจมส์เป็นคนที่ดังในโรงเรียนเพราะเขาเป็นนักกีฬาด้วย แล้วเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกันเวลาที่จะเรียนก็ไม่ได้เรียนตรงกัน จนกระทั่งมาเจอกันในคลาสเต้น ก็ได้คุยกันและรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็เจอหน้ากันทุกวัน หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้เจอกันประมาณ 10 ปี เพราะว่าเหมือนโชคชะตา จังหวะชีวิตมันคลาดกันตลอด เวลาที่เขามาเมืองไทยเราก็ไม่ว่างถ่ายละครอยู่ จนกระทั่งวันนึงก็ว่างตรงกัน พอเขาทักเฟซบุ๊กมาเราก็คุยกันมันก็เลยคลิกกัน หลังจากที่เราไม่ได้คุยกันแบบเพื่อนลึกไปเรื่อย ๆ เพียงแค่ 2 วันชามก็รู้แล้วว่าชามต้องแต่งงานกับคนนี้
ตอนที่คบกันเราอยู่ห่างกันละประเทศมีวิธีรักษาความรักอย่างไรบ้าง
ชาม : ช่วงที่คบกันแล้วอีกคนอยู่ต่างประเทศมันเป็นช่วงที่ยากนะคะ มันจะต้องใช้ความรัก ความอดทน ความเข้าใจมากค่ะ โชคดีที่เราโตกันมาในยุคที่มันมีเฟซทาม สไกค์ แอพต่าง ๆ ที่ทำให้ความรักเรายืดยาวไปได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงยาก ชามเชื่อว่าการคบกันระยะไกลมันเป็นสิ่งที่ยากและทรมานมากแต่ถ้าผ่านไปได้เราก็จะสามารถผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกันได้แน่นอน
เจมส์ : มันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เขาเคยทำในชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจมาก ก็คือการที่ชามตอบคำถามชีวิตเขาว่าในที่สุดแล้วเขาจะต้องลงเอยกับใคร พอเขาได้คำตอบแล้วทุกอย่างก็ดูง่ายไปเลยค่ะ
อะไรเป็นสัญญาณบอกว่าเราเลือกผู้ชายคนนี้
ชาม : ภาพตอนเด็ก ๆ ที่ชามมองเขา ชามคิดว่าเขาเป็นคนซ่า ๆ แนวลุย ๆ แต่พอได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วเขาเป็นคนที่น่ารัก ใจอ่อนมาก พอได้คุยกันจริง ๆ แล้วทุกอย่างที่เราต้องการอยู่ในตัวเขาหมดเลย
โมเม้นท์ขอแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง
ชาม : จริง ๆ แล้วเราเคยพูดกันไว้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่คบกันแรก ๆ เจมส์เขาก็บอกว่าเขาไปไหนไม่ได้แล้วเพราะว่าเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วชามก็ไม่นึกว่าเขาจะขอเร็วขนาดนี้ด้วย ไม่นึกว่าเขาจะขอเร็วขนาดนี้เขาเซอร์ไพรส์ในวันเกิดเพราะชามเป็นคนไม่ได้จัดงานวันเกิดอยู่ เขาทำงานหนักมากเลยเพราะต้องคุยกับแม่ของชาม ผู้จัดการด้วยว่าจะนัดยังไงให้ชามเซอร์ไพรส์ นัดเพื่อน ๆ พี่ ๆ มาให้หใดเลย ชามก็นึกว่าเป็นการจัดวันเกิดเฉย ๆ แต่ในที่สุดก็เป็นการคุกเข่าขอแต่งงาน ก็ตกใจมากเลยวันนั้นเราก็ดีใจค่ะ
มีข่าวว่าสินสอดอลังการถึง 100 ล้านบาท
ชาม : ว้ายเอามาจากไหน ไม่หรอกค่ะ คือที่จริงเราก็คุยกันไว้แล้วว่าบ้านชามไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่นับจากวินาทีนี้ไปเขาทำได้เท่าไรให้ชามหมด จริง ๆ มันเป็นไอเดียของเขา แล้วที่บ้านชามรักเจมส์เพราะว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเขาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวของเขาเองและได้มายืนถึงจุดนี้ชามว่าชามฝากชีวิตไว้กับเขาได้ค่ะ
หลังจากนี้จะบินไป ๆ มา ๆ หรือเปล่า
ชาม : เจมส์เขาอยากย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะ เขาก็เลยเลือกทำงานเกี่ยวกับโซลา ประหยัดพลังงาน เขาทำทุกอย่างเองหมดเลยตอนนี้มีที่ไทยแล้ว ที่ออสเตรเลียก็มีด้วย ตอนนี้ก็จะย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยค่ะ ส่วนเรื่องเรือนหอด้วยความที่ชามเป็นลูกคนเดียว หลานสาวคนเดียวของปู่ย่าตายายก็มีกฎว่าลูกเขยจะต้องย้ายเข้าบ้าน ตอนแรกชามก็นึกว่ามันยากเพราะหลายคนก็ไม่โอเคกับตรงนั้น แต่เจมส์เขาโอเคและเข้ากัยที่บ้านชามได้ดีมาก ๆ
หลังจากนี้จะมีทายาททันทีเลยไหม
ชาม : ขอรอดูก่อนค่ะ แต่เจมส์เขาก็บอกว่าเขาพร้อมทุกเมื่อ ส่วนชามก็ยังติดละครอยู่เรื่องนึงขอจบแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีค่ะ และด้วยความที่ชามเป็นลูกครเดียวชามจะไม่มีทางมีลูกคนเดียวค่ะ ก็อยากมี 2 คนไม่อยากเกินจากนั้น อยากได้เป็นแฝดค่ะ
เจมส์ : อยากมี 2 คนหรือมากกว่านั้น
วางแพลนฮันนีมูนกันไว้บ้างหรือยัง
ชาม : ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เพราะว่ามุ่งเรื่องงานแต่งอย่างเดียวเลย แต่เจมส์เขาชอบทะเล คิดว่าคงไปไหนสักที่ที่เป็นทะเลค่ะ ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสก็จดเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ชื่อในวงการชามจะเป็น ชาม โอสถานนท์ โธมัส ค่ะ
ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรกันไหม
ชาม : เมื่อวานนี้ก็ได้สัญญาไว้ว่าจะรักคนนี้ตลอดไป
เจมส์ : เขาสัญญาว่าจะรักและดูแลชามตลอดไป เขาสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชามเสียใจหรือร้องไห้ และเราจะไม่อยู่ด้วยกันแค่ในชาตินี้แต่จะอยู่ด้วยกันทุก ๆ ชาติไป
เรื่องงานในวงการของชามหลังจากแต่งงานจะเป็นอย่างไรบ้าง
ชาม : คือเจมส์ทราบว่ามันเป็นสิ่งที่ชามรักอยู่แล้วนะคะ เขาไม่ห้ามที่ชามจะตัดสินใจทำงานอะไร แต่จากนี้ไม่ว่าจะเข้ามาจากทางชามหรือเจมส์เราก็จะปรึกษากันทุกเรื่องเพราะเราไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว เรื่องงานเซ็กซี่อันนี้ก็คุยกันอยู่แล้ว ชามทราบว่าชามจะต้องยังไง
ตัวเจมส์เองมีอะไรอยากจะบอกชามไหม
เจมส์ : ชามเหมือนเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้เหมือนฝันเป็นจริง แล้วก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตเขา ตอนนี้เหมือนยังอยู่ในความฝันอยู่เลย เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหันไปมองหรืออยู่กับผู้หญิงคนไหนได้
ทำไมวันนี้ถึงเลือกใส่ชุดไทยในงานแถลงข่าว
ชาม : ชามใส่แล้วภูมิใจในความเป็นไทยมาก ๆ เลย ชามถึงเลือกที่จะใส่ชุดไทยในงานแถลงข่าว เจมส์เองก็ชอบชุดไทยมากเขาก็บอกว่าเวลาแถลงข่าวอย่าใส่ชุดอื่นเพราะเขาชอบเวลาที่ชามใส่ชุดไทยมากที่สุดค่ะ
อยากให้พูดถึงธีมงานในวันนี้
ชาม : เริ่มตั้งแต่การ์ดแต่งงานอันนี้เป็นไอเดียของคุณแม่ชามค่ะ ด้วยความที่ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเฮฮา เราก็อยากให้แขกเข้าเปิดการ์ดแล้วหัวเราะทันที ธีมงานก็อยากให้ทุกคนมาแล้วมีความสุข มีรอยยิ้มตลอดเวลา ในงานก็จะย้อนเรื่องราวของเราที่เจอกันในวัยเรียน มีโบว์ลิ่งที่เขาขอแต่งงาน มีมงกุฎ ธีมงานเป็นสนุก ส่วนสีเป็นสีเขียว-ทอง เป็นออสเตรเลียในเมื่อเขาพร้อมที่จะให้ตัวเองเป็นฝรั่งหัวใจไทยก็อยากจะตอบแทนญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ เขา ก็อยากให้สีเป็นเขียว-ทองค่ะ ชามก็อยากจะขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มาในวันนี้ การที่ชามได้อยู่ในวงการมากว่า 10 ปี พี่ ๆ ทุกคนก็น่ารักกับชามมาตลอด ก็อยากให้ทุกคนแฮปปี้กับงานค่ะ
นอกจากนี้ สาวชาม ยังได้พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวเองอีกว่า "ชามคิดว่ามันเป็นสิ่งงที่แปลกมาก เพราะก่อนหน้านี้ชามเคยหมดศรัทธาในเรื่องความรักไปแล้วสักพักนึง และชามคิดว่าความรักที่เราต้องการที่แท้จริงมันไม่สามารถที่จะเจอได้ แต่ว่าเจมส์เป็นคนที่ชามแอบชอบมาตั้งแต่เด็กและเราก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปเพราะเราเป็นผู้หญิง แต่พอ 10 ปีผ่านไปเจมส์เขาก็มาสารภาพว่าตัวเขาก็ชอบชามตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนไทยจะไปลงเอยกับฝรั่ง และเขาก็เลยไม่กล้าที่จะทำร้ายตัวเองด้วยการเข้ามาจีบ เขาก็เลยรอไปแล้วมันเหมือนพล็อตในหนังหลังจากนั้น 10 ปีความลับเปิดเผยแล้วทุกอย่างมันก็เลยเร็วได้ เราก็เลยแต่งงานกัน"
