อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา ควง ต้น เติมศักดิ์ ศักดาพร ฉลองแต่งงาน เผยยังไม่แพลนฮันนีมูน ตอนนี้อยากมีลูกเลย ด้านเพื่อนสนิทร่วมยินดี
หลังจากที่เข้าพิธีแต่งงานแบบไทยไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 สำหรับคู่ของ อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา และ ต้น เติมศักดิ์ ศักดาพร ล่าสุด (4 มีนาคม 2560) ทั้งคู่ก็ควงคู่หวานชื่นฉลองมงคลสมรส ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม เมืองทองธานี ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นของแขกผู้มีเกียรติ เพื่อนสนิททั้งในและนอกวงการมาร่วมแสดงความยินดี โดยทั้งคู่ยังควงกันแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชนอีกด้วย
อี๊ฟ : แต่งแล้วค่ะ แต่งงานตั้งแต่วันที่รดน้ำสังข์ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค่ะ ที่พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน ค่ะ
สินสอดเท่าไหร่ ?
ต้น : เรื่องสินสอดทองหมั้นผมเป็นคนดูแลแค่เรื่องแหวนครับ ส่วนเรื่องสินสอดอย่างอื่นพวกแก้วแหวนเงินทองก็คือจะเป็นทางผู้ใหญ่ของผมเป็นคนดูแล ผมไม่ทราบเหมือนกัน
อี๊ฟ : และไม่ได้นับด้วยค่ะ (หัวเราะ)
สมน้ำสมเนื้อใช่ไหม ?
ต้น : ใช่ครับ (ยิ้ม)
อี๊ฟ : พ่อก็ยกให้นะ (ยิ้ม) ก็คือกล้ายกลูกสาวให้ล่ะ เขาก็น่าจะพอใจแล้ว ส่วนเรื่องของแหวน เป็นแหวน 8 กะรัต เลข 8 เป็นเลขมงคลครับ เพราะต้นมีเชื้อจีนอยู่ด้วยก็เลยเลือกเลข 8
จดทะเบียนไหม ?
อี๊ฟ : อี๊ฟใช้นามสกุลเดิมค่ะ
ความรู้สึกหลังแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง ?
ต้น : มีความสุขดีนะครับ (หัวเราะ)
อี๊ฟ : ชีวิตคู่ค่ะ อี๊ฟรู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยาแล้วนะ จริง ๆ ในวันงานที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอย่างนี้เอง วันที่ทุกคนมาแสดงความยินดีกับเราด้วยความตั้งใจมา เต็มใจมา และที่สำคัญคือพรต่าง ๆ ที่ได้รับในวันแต่งทำให้พวกเรารู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไป คือเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการได้รับพร ได้ผ่านพิธีมันทำให้ชีวิตเปลี่ยน (หัวเราะ)
ต้น : คือจากเดิมที่เราใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ทำแต่งาน ต่อจากนี้ไปเราก็ต้องคิดถึงเขา ก่อนหน้านี้เราอาจจะกลับบ้านไม่เป็นเวลาบ้าง แต่หลังจากนี้ก่อนจะกลับบ้านก็จะโทร. บอกเขาว่าเราจะกลับบ้านแล้วนะ เพื่อให้เขาสบายใจ เพราะไม่ใช่คนคนเดียวแล้ว เราสองคนคือคนคนเดียวกัน
คุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง ?
อี๊ฟ : ก็แฮปปี้ดีค่ะ เพราะต้นเขาค่อนข้างเหมือนพ่อ เพราะฉะนั้นเขาก็เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว พ่อก็เหมือนมีลูกชายใหม่ ตอนแรกเราก็เหมือนเป็นคู่เฉย ๆ แต่ตอนนี้อีกหน่อยเราจะเป็นครอบครัว เราก็เหมือนอัปเลเวลขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นครอบครัวค่ะ
อาต้อยมีฝากฝังอะไรเป็นพิเศษไหม ?
ต้น : ดูแลลูกสาวคนเดียวของพ่อให้ดีนะครับ แค่นั้นเอง สั้น ๆ เลย (หัวเราะ) ผมก็จะดูแลให้ดีครับ ดูแลทุกวันให้ดีที่สุด (ยิ้ม) ผมก็ทำได้แค่สัญญากับแกว่าจะดูแลให้ดีที่สุด เหมือนกับที่แกรักและเป็นห่วง
อะไรที่ทำให้ต้นชนะใจเรา ?
อี๊ฟ : ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ ๆ น่ะค่ะ ตั้งแต่เดตครั้งแรกอี๊ฟก็อยู่กับเขา คือคนไม่เคยเจอกันเลย แต่ไปเดตกันครั้งแรกวันวาเลนไทน์ คือไปทำความรู้จักกัน ณ วันนั้นมากขึ้น เหมือนกับพอเจอกันแล้วได้คุย กินข้าว 7 ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไป 7 ชั่วโมงแล้ว อันนั้นเป็นประกายแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่เคยอยู่กับใครที่เราไม่รู้จักและใช้เวลาได้ถึง 7 ชั่วโมง แสดงว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย มันเริ่มจากตรงนั้น และเราก็คุยกันมาเรื่อย ๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นและเป็นผู้ชายที่โตแล้ว มีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจ ที่สำคัญคือถ้าเขารักเราและเขากล้าที่จะเลือกเรา เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธค่ะ (ยิ้ม)
ต้น : สำหรับผมวันแรกที่เจอเขา เราไม่รู้จักกันเลย แต่เขาเป็นคนพูดเก่งมาก เราก็นั่งฟัง ครับ ๆ ตอบได้คำเดียวว่าครับ ผมเป็นคนที่ชอบเรื่องสัพเพเหระ ชอบฟังซะส่วนใหญ่ เป็นคนที่พูดน้อย ก็เลยฟังเขาแล้วรู้สึกว่ามันทำให้เราอยู่ได้นานโดยที่เราลืมเวลาไปเลยด้วยซ้ำว่าเราอยู่กันมากี่ชั่วโมงแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าประทับใจมากวันนั้น และอีกอย่างหนึ่งเขาเป็นคนสวยอยู่แล้วด้วย ผมแพ้คนสวยครับ (หัวเราะ)
จากวันที่ขอแต่งงานห่างจากวันที่เริ่มคบกันนานเท่าไหร่ ?
อี๊ฟ : 6 เดือนค่ะ
ต้น : ระยะเวลาไม่สำคัญนะ เพราะหลังจากที่ผมรู้จักเขาทุก ๆ วันผมจะมีเวลาให้เขาทุก ๆ เย็น อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน มีเวลาดูหนังตามประสาวัยรุ่นครับ (หัวเราะ) ออกกำลังกายบ้าง จนเรารู้สึกว่าเรามีเวลาเยอะนะสำหรับทุก ๆ วัน วันละ 3-4 ชั่วโมง จนถึง 6 เดือนก็เยอะอยู่นะ แต่จะทำยังไงให้เราได้เข้าใจเขามากขึ้นในทุกวัน ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าคนคนนี้แหละใช่ ก็ขอเลยแล้วกัน ณ ตอนนั้นนะครับ (ยิ้ม)
อี๊ฟ : ตอนถูกขอก็ตกใจนิดหนึ่ง คือเขาชอบพูดเล่น เวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ๆ เขาก็จะชอบพูดเล่นว่าเดี๋ยวถ้าเกิดแต่งงานเพื่อน ๆ กั้นประตูอย่ากั้นโหดนะ คือเหมือนเขาจะแซว เขาพูดเล่นอยู่เรื่อย ก็ไม่เคยคิดว่าเขาตั้งใจจะขอจริง ๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้นค่ะ แต่ว่าพอตอนที่ถูกขอจริง ๆ แล้วเราก็รู้สึกอึ้งไปแป๊บเดียว มันเหมือนเรื่องโกหกน่ะ มีกล้องหลอกหรือเปล่า (หัวเราะ) คือโดนขอแล้วอี๊ฟก็ยังนิ่งอยู่นานเลยค่ะ เขาถึงกับต้องมาเขย่าตัวว่าตกลง yes หรือ no คือเรานึกว่าโดนหลอก พอเขาถามเราว่าตกลงจะแต่งหรือไม่แต่ง อี๊ฟก็เลยตอบว่า yes ณ วินาทีที่เราเงียบไปเราก็นึกไม่ออกว่าเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตอบว่าไม่นะคะ เราก็รักกัน และเขาก็เป็นคนที่พร้อมแล้ว ถ้าเขาพร้อมเราก็ควรจะต้องพร้อมค่ะ (ยิ้ม)
วันนี้งานใหญ่มาก เชิญแขกเยอะมาก ?
อี๊ฟ : จริง ๆ ตัวอี๊ฟอยากจะมีงานเล็ก ๆ ด้วยซ้ำนะคะ แต่ด้วยพ่อแม่เรา คือมีคนที่อยากจะมาแสดงความยินดีกับพ่อแม่เราว่าลูกขายออกเยอะมาก (หัวเราะ) รวมถึงตัวเราเอง เพราะทุกคนไม่เคยคิดว่าอี๊ฟจะแต่งงาน พอบอกออกไปว่าเราจะแต่งงานนะ ทุกคนก็ดูดีใจมาก ทุกคนก็อยากจะมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งอี๊ฟก็เลยคิดว่าถ้าทุกคนตั้งใจจะมา เราก็อยากจะมีพื้นที่มากพอที่จะรองรับทุกคนอย่างสะดวกสบาย อี๊ฟก็เลยเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่เพื่อที่จะรองรับได้ทุกคน
ธีมงานวันนี้เป็นอย่างไร ?
อี๊ฟ : อันนี้เป็นสิ่งที่เราคิดตรงกัน คืออี๊ฟเป็นคนที่ชอบแนววินเทจ ต้นก็ชอบ อี๊ฟเป็นผู้หญิงหุ่นแบบคนยุคเก่า ใส่เสื้อผ้าแบบยุคร่วมสมัยไม่สวย ก็เลยอยากใส่ชุดในยุคที่เรารู้ว่าแม่เราใส่สวย ถ้าแม่เราใส่สวยเราก็ต้องใส่สวย (ยิ้ม) ก็เลยเอาแม่เป็นแบบค่ะ เพราะเราก็อยากให้ดูย้อนยุคนิดนึงด้วยค่ะ
หลังจากนี้ทำงานในวงการต่อไหม ?
ต้น : ถ้าไม่ทำก็เลี้ยงไหวครับ แต่เราก็อยากให้เขาทำในสิ่งที่เขารักและเขาโตมากับวงการนี้ ผมก็คิดว่าปล่อยเขาให้ได้ทำงานในสิ่งที่เขารักดีกว่า ส่วนเขาจะมาช่วยงานผมก็ยินดี มาได้ตลอดครับ (ยิ้ม) ธุรกิจของผมมีทั่วประเทศครับ เรื่องเซ็กซี่เหรอ จริง ๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างหวงนะ หวงแฟนมาก โดยส่วนตัวผมก็หวงตัวเองนะ (ยิ้ม) ก็หวงครับ แต่ว่าเขาโตแล้ว เขาก็ต้องรู้ลิมิตของตัวเองอยู่แล้ว
อี๊ฟ : อีกหน่อยเขาก็จะบอกว่าถ้ามีลูกไม่อายลูกเหรอ คือเขาก็จะมีวิธีดักทางเราเองแหละ และอี๊ฟได้ใช้ชีวิตในช่วงที่อี๊ฟต้องการแบบเป็นตัวของตัวเองเยอะมากแล้วค่ะตลอดเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา (หัวเราะ) มันก็เป็นช่วงเวลาที่อี๊ฟได้ใช้อย่างเต็มที่ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราจะโตขึ้นโดยวุฒิภาวะแล้วก็คงต้องมีความพร้อมที่จะเป็นภรรยาและเป็นแม่บ้านให้มากขึ้น
พอแต่งแล้วย้ายเข้าบ้านไหน ?
ต้น : ผมย้ายเข้าบ้านเขาครับ ด้วยที่พ่อกับแม่ของคุณอี๊ฟก็อายุพอสมควรแล้วครับ แล้วผมเป็นคนที่ชอบดูแลผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้ว ก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่ผมจะย้ายเข้าไปแล้วได้ช่วยเขาแบ่งเบาภาระด้วย
เป็นอีกเหตุผลที่อี๊ฟยังใช้นามสกุลเดิมหรือเปล่า ?
อี๊ฟ : จริง ๆ ที่ใช้นามสกุลเดิมเพราะในตระกูลอี๊ฟไม่รู้จักญาติที่ไหนอีกแล้วที่นามสกุลนี้ คืออี๊ฟเป็นคนสุดท้ายเท่าที่พ่อบอก ก็เลยรู้สึกว่าพ่อสร้างไว้เยอะ เลยอยากจะเก็บไว้ถ้าทางนี้เขาไม่ว่าอะไร ซึ่งคุยกันแล้ว ก็ต้องบอกว่าต้นเป็นผู้ชายที่ใจดีมาก ก็ตกลงกันว่าไม่เป็นไรอย่างนั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน และที่เขายอมย้ายเข้าบ้านเงื่อนไขก็คือ อี๊ฟเองตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแต่งงานอี๊ฟจะไม่ออกจากบ้าน คือผู้ชายอาจจะต้องเสียสละนิดนึง เพราะบ้านมีแค่นี้ แค่อี๊ฟ พ่อ แม่เท่านั้น แม่ก็ป่วยมาแล้ว เรามีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้ว เราไม่อยากไปไหนไกล ซึ่งทางนี้ก็เข้าใจ ครอบครัวเขาก็เข้าใจ ก็เลยไม่มีปัญหา ยิ่งทำให้ทุก ๆ อย่างเข้าล็อกค่ะ
จะมีน้องเลยไหม ?
อี๊ฟ : ตั้งใจไว้ว่าไม่คุมค่ะ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ จริง ๆ หลายคนก็ทักว่าไม่เด็กแล้วนะ ไม่ปรึกษาหมอก่อนเหรอ แต่ใจก็คุยกันไว้ว่าจะลองธรรมชาติไปก่อน ลองไปก่อนสักปีหนึ่งค่อยว่ากันถ้ายังไม่มา
ต้น : สำหรับผมจะผู้หญิง ผู้ชายก็ได้หมดนะ แต่ถ้าที่อยากได้จริง ๆ อยากได้ผู้ชายครับ (ยิ้ม)
จะเอาหลักการใช้ชีวิตคู่ของพ่อกับแม่มาใช้ยังไงบ้าง ?
ต้น : พ่อสอนสั้น ๆ มาก เป็นคนดี เข้าใจ รักครอบครัวให้มาก แค่นั้นเอง ส่วนผมแล้วคือไม่ได้ชมตัวเองนะ ผมก็คิดว่าผมก็เป็นคนดีคนหนึ่งครับ (ยิ้ม) ที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ได้ ในเมื่อเรารักเขา เราก็ต้องทำให้เขาได้ทุกอย่าง ผมคิดแค่นี้เองครับ ง่าย ๆ (ยิ้ม)
อี๊ฟ : คือเราต้องหาจุดกึ่งกลางให้กันและกัน คือต้นเขาก็เป็นผู้ชายที่ทำงานสุด อี๊ฟเองทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัวก็สุดเหมือนกัน ก็คิดว่าเราคงต้องจูนกัน และอาศัยคำว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยและให้เกียรติซึ่งกันและกันให้มาก อี๊ฟคิดว่าเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จ อย่างพ่อกับแม่เขาก็อยู่ด้วยกันแค่นั้น ความรักมันเป็นตัวก่อเกิด อย่าให้อะไรอย่างอื่นมากระทบความรักของเรา คือต้องสร้างภูมิความรักของเราด้วยความเข้าใจ ยอมลด ยอมวาง และให้พื้นที่กันและกันบ้าง สิ่งเหล่านี้เรามีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง และโชคดีที่พอเราอยู่ด้วยกันเราก็เห็นเขาทุกวัน เราก็จะได้ไม่ลืมว่าเรารู้จักเขายังไง และสักวันหนึ่งเราก็จะเป็นแบบเขา จะแก่ไปด้วยกันแบบเขา (ยิ้ม)
ฮันนีมูนที่ไหน ?
อี๊ฟ : ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ
ต้น : ก็คิดไว้บ้างนะครับ
อี๊ฟ : เรื่องนี้อาจจะโยนไปให้เจ้าบ่าว เพราะงานแต่งอี๊ฟคิดหมดแล้ว ทำเองทุกอย่าง (หัวเราะ) ที่ผ่านมายุ่งจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้ทำงานหลายเดือนเลย ก็เลยอาจจะขอคิดก่อนเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ทำงานนานด้วยก็เลยอยากกลับไปทำงานก่อน มีงานที่ต้องสะสางเยอะเลย
ได้แฟนเด็กตามที่เคยบอกเอาไว้เลย ?
อี๊ฟ : ใช่ (หัวเราะ) โดนหลอกมา
ต้น : ยอมให้หลอกมากกว่ามั้ง (หัวเราะ) อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ (ยิ้ม)