
วันนี้ขอเอาใจคู่รักที่อยากจัดงานแต่งด้วยตัวเอง ไม่ได้จ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์ กับรีวิวประสบการณ์จัดงานแต่งในฝันให้สวยโดนใจทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกที่มาร่วมงาน จากรีวิวของ คุณแก็งค์โอเลี้ยง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เจ้าสาวป้ายแดงหมาด ๆ ที่นำเรื่องราว การเตรียมงาน และขั้นตอนต่าง ๆ ในการจัดงานแต่งมาแบ่งปันให้เราได้ทราบกัน อ๊ะ ๆ กระซิบนิดหนึ่งว่าข้อมูลส่วนใหญ่มาจากอินเทอร์เน็ตล้วน ๆ เลยจ้า
นั่งอ่านเว็บนี้มานาน วันนี้ได้มีโอกาสมาแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองบ้างซะที เจ้าของกระทู้พึ่งได้เป็นเจ้าสาวป้ายแดงมาหมาด ๆ ที่ตัดสินใจเขียนเพราะรู้สึกอยากแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ของการเตรียมงานของเรา เพราะเว็บนี้หลาย ๆ กระทู้จากเจ้าสาวหลายท่าน ก็ได้เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมงานแต่งของเราด้วยเหมือนกัน
เริ่มต้นเลยเราวางแผนแต่งงานตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดจริงจังว่าจะแต่ง คบกับแฟนมาหลายปีดีดัก แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่งมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากมีในชีวิตแล้ว ก็เริ่มรู้สึกว่า อืม...ชีวิตก็พร้อมแล้วนะ ตังค์เก็บก็พอมี จัดงานไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่แล้วล่ะ เลยคุย ๆ กับแฟนว่าแต่งงานกันยัง
ก่อนหน้านั้นก็หยั่ง ๆ เชิงมาหลายทีว่าเมื่อไหร่จะขอ ฮีก็ได้แต่ยิ้มแหะ ๆ เลยคิดว่าถ้ารอแฟนขอชาตินี้คงไม่ได้แต่งเป็นแน่ ก็เลยเอ่ยปากเองแล้วกัน "แต่งนะ ฉันอยากแต่งแล้ว พร้อมกันแล้วรออะไรอะ แต่งเนอะ ไปบอกป๊ากะแม่นะว่าจะแต่งแล้ว" จบ...ฮีก็ไปบอกที่บ้าน ส่วนเราไม่ต้องเพราะพ่อแม่เสียหมดแล้ว ตัดสินใจเองโลด (ตอนเป็นแฟนก็จีบเขา ตอนแต่งก็ขอเขาแต่ง 555+)
พอตกลงกันว่าจะแต่งจริง ๆ แล้ว ช่วงนั้นประมาณเดือนตุลาคมก็หาฤกษ์ ก็เริ่มคิดหาวันแต่ง แต่จะหาจากไหนล่ะ ต้องถามพระไหม ต้องถามใครนะ.....อินเทอร์เน็ตแล้วกัน ก็ได้มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นทำยังไงล่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลสิ ถามคนนั้นคนนี้ แต่งงานเขาต้องทำไงบ้างอะ แต่คนรอบข้างนี่สิ ยังไม่มีใครแต่งเลยสักคน มีแต่ป้า ๆ สำมะโนครัวอยู่เมืองคานส์กันหมด ถามใครก็คงไม่ได้ความ เลยกลับมานั่งหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตต่อ

มานั่งคิดว่าเราอยากได้งานแบบไหน งานเล็ก ๆ เรียบง่าย ดูอบอุ่น เชิญแขกแต่คนสนิทและญาติสนิท แบบนี้แหละที่ต้องการ จัดแค่งานเช้า มีพิธี มีกินเลี้ยง ไม่เกินบ่ายทุกอย่างจบ
แล้วจะจัดที่ไหนล่ะ ก็มีที่ที่หนึ่งที่อยากจัดมาก เป็นสถานที่ใฝ่ฝัน ว่าอยากจะจัดงานตรงนี้มานานแล้ว ผ่านกี่ทีก็ชอบมอง เพราะเป็นสวนต้นจามจุรีหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่พอไปสอบถามทางโรงแรมไม่อนุญาต เลยไปเปลี่ยนเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ บรรยากาศร่มรื่น มีสระน้ำ อาหารอร่อย ก็ตัดสินใจเลือกที่นี่ เรื่องสถานที่นี่ไม่ต้องปวดหัวมากนัก เจ้าของร้านก็ใจดีคุยกันง่าย แถมค่าใช้จ่ายก็ถูกว่าโรงแรมเยอะมาก ๆๆ บางครั้งเราก็ไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่บางอย่างที่ได้มาอาจดีกว่าที่เราเคยอยากได้ด้วยซ้ำ

ต่อมาเรื่องที่ปวดหัวมากที่สุด เลือกมากเครียดมากจนทำให้เจ้าสาวถึงกับป่วย คือ การเลือกตากล้องและช่างแต่งหน้า นั่งหาข้อมูลจนปวดหัวปวดตา เลือกแล้วเลือกอีก ดูเว็บนั้นเว็บนี้ จนไปเจอพี่ตากล้องคนหนึ่ง เราเข้าไปในเว็บร้านชุดเจ้าสาววินเทจเว็บหนึ่ง เห็นเป็นรูปพรีเวดดิ้งรูปหนึ่ง เราก็คลิก ๆ เข้าไปดูชื่อดูลิงก์ จนไปเจอเพจของพี่ตากล้องคนนี้ เห็นงานแล้วชอบมากกกกกกก เป็นคนที่ถ่ายรูปดูแล้วให้ความรู้สึกแบบที่เราต้องการ

ความต้องการเรา คือ ให้รูปภาพออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องแอ็คท่าถ่ายรักกันหวานชื่นอะไรมากมาย (ลืมบอกว่าเราไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะความคิดเห็นส่วนตัวเราคิดว่ามันไม่จำเป็นกับเรา แล้วเรากับแฟนคงไปทำท่ารักหวานซึ้งมองตาม เชยคาง จุ๊บหน้าผากกันถ่ายรูปไม่ได้ 555+) เลยติดต่อพี่เขาไป พอได้พูดคุยก็ยิ่ง ถูกคอ มีแนวความคิดตรงกัน รับรู้ได้ว่านี่แหละตากล้องที่เราต้องการ แล้วหามาเยอะแล้วก็ไม่มีใครถูกใจเท่าพี่เขาอีกแล้ว ผลงานถูกใจ คุยกันถูกคอ ก็เลือกพี่เขาเลย และก็ไม่ทำให้ผิดหวังรูปออกมาดูเป็นธรรมชาติมากอย่างที่ต้องการเป๊ะ ขอบคุณพี่โย้ว มากกกกกกกกก กราบเบญจางคประดิษฐ์ กราบ 1 กราบ 2 กราบ 3

ต่อมาการหาช่างแต่งหน้า อันนี้ก็เป็นอะไรที่ปวดหัวอีกเช่นกัน กว่าจะได้เจอเราก็หาแล้วหาอีก ดูแล้วดูอีก ถามแล้วถามอีก พอเจอช่างที่ถูกใจ ราคาถูกใจ เขาก็ไม่ว่างแล้ว หลายคนมาก ขนาดเราหาก่อนหน้าตั้งสามเดือน ไปถามคนอื่นบางคนบอกหากันก่อนเป็นปี โอ้...ยอม เราก็ตามหาตามในอินเทอร์เน็ตนี่แหละ เสิร์ช เข้าไปเป็นสิบยี่สิบสามสิบเว็บ เจอคนนั้นลิงก์ไปคนนี้ เว็บหนึ่งที่ช่วยได้มาก ก็คือ เว็บพันทิปนี่แหละ หาอยู่เป็นอาทิตย์จนเจอ คุณหมุ่ย ซึ่งเราก็คิดอีกว่าราคานี้มันก็แพงไปสำหรับเรานะ แต่เราก็รู้สึกว่าเราเหนื่อย ไม่อยากหาแล้ว ถามพี่ที่เป็นที่ปรึกษาด้านงานแต่งของเรา นางก็ว่าโอเค ดูจากผลงานที่ผ่านมาของคุณหมุ่ยแล้ว คิดว่าพี่เขาไม่ทำเราผิดหวังแน่ เราก็ตัดสินใจเลือก ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ เจ้าสาวออกมาสวยงามมาก ตาแบ๊วลืม !! มีแต่คนชม ปลื้มปลิ่มอยากจะไม่ล้างหน้าสักเดือนหนึ่ง ขอบคุณคุณหมุ่ยมากค่ะ

ส่วนเรื่องการ์ดและของชำร่วยเราเป็นคนทำเองทั้งหมด เนื่องจากพอมีหัวประดิดประดอยอยู่บ้าง และคิดมาตลอดว่าอยากจะทำของพวกนี้เอง อีกทั้งแขกก็ไม่ได้เยอะ ก็น่าจะพอทำไหว ก็เลยทำเอง ก็นั่งหาไอเดียในอินเทอร์เน็ตอีกแล้วครับ

อยากจะบอกว่าไอเดียจากงานแต่งของพวกฝรั่งนี่เป็นอะไรที่เจ๋งมาก เขาทำอะไรกันกระจุกกระจิกกันน่ารัก แถมส่วนมากก็จะเป็นอะไร DIY ที่เราสามารถทำเองกันได้ เราก็พอทำโปรแกรม AI เป็น เรื่องการ์ดก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนของชำร่วยเราก็เลือกเป็นชุดเข็มด้าย กระดุม เอามาใส่ขวดแก้ว ผูกโบ ทำ Tag น่ารัก ๆ ติดก็เรียบร้อย ที่เลือกเป็นชุดเข็มด้าย เพราะอยากให้อะไรที่เป็นประโยชน์ ใช้งานได้ ส่วนมากที่บ้านคนจะไม่ค่อยมีเข็มด้ายไว้ อย่างน้อยก็เอาไว้ซ่อมเสื้อผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ กระดุมหลุด เสื้อไปเกี่ยวอะไรขาดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หยิบของเรามาซ่อม ก็จะได้คิดถึงวันงานของเรา รวมแล้วหมดกับค่าของชำร่วยและการ์ดไม่น่าเกิน 4 พัน (ของทั้งหมดร้อยกว่าชุด)

มาถึงชุดเจ้าสาว ตอนแรกเราก็คิดว่าจะใส่ชุดไทยและเปลี่ยนเป็นชุดวินเทจน่ารัก ๆ ตอนกินเลี้ยง ทำไปทำมากลายเป็นซื้อผ้ามาจ้างช่างตัดเองซะอย่างนั้น เนื่องจากไปเจอแบบชุด ๆ หนึ่ง จากเจ้าสาวท่านหนึ่ง เป็นชุดที่สวยเรียบหรูดูดีมาก (ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าสาวท่านนั้นมากค่ะ พี่เขาคงไม่ทราบว่าเราก๊อปชุดเขามา ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ) คิดว่าน่าจะเหมาะกับเรา และมีพี่แนะนำว่ามีช่างตัดเสื้อที่เป็นคุณแม่ของพี่ที่ทำงาน เราก็เอาแบบไปคุยกับช่าง ขอเรียกว่าเป็นแม่ไรนะคะ เพราะเทียวไปเทียวมาบ้านช่างจนสนิทสนมกันเลยทีเดียว แม่ไรก็บอกว่าตัดได้ เราก็เลยไปซื้อผ้าที่พาหุรัด ร้านคานธี ซึ่งได้ผ้ามาสวยมาก ราคาเมตรละ 270 บาท ซื้อมา 7 เมตร ซึ่งใช้ได้พอ ๆ เป๊ะ ๆ
กว่าจะได้ซึ่งชุดนี้มาเราก็แก้กันแล้วกันอีก ก็เข้าใจว่าแม่ไรก็ไม่ได้มีอุปกรณ์พร้อม เนื่องจากมาพักอยู่กับลูกสาวเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน (แม่เปิดร้านอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง) ที่บ้านก็จะมีแค่จักร อุปกรณ์ สถานที่ และเวลาก็ไม่ได้พร้อมมากนัก แต่ก็เราก็ได้เห็นถึงความตั้งใจจริงของแม่ไร ความน่ารักของ 3 สาว 3 Gen ครอบครัวนี้น่ารักกันมาก ๆ ทั้งแม่ไร พี่โอ๋ และหลานฮูโต๊ เด็กสาวสองขวบสุดน่ารัก เวลาไปลองชุดทุกครั้งสาวน้อยคนนี้จะทำให้เรามีรอยยิ้มเสียงหัวเราะกลับมาเสมอ เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณครอบครัวนี้มาก ๆ ที่ทำให้ชุดเจ้าสาวชุดนี้ออกมาสวยถูกใจเราที่สุด แม้มันจะไม่ได้เป็นชุดที่แพทเทิร์นเพอร์เฟคท์ ตัดเย็บเนี้ยบไม่มีที่ติแบบห้องเสื้อแพง ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความตั้งใจของช่างจริง ๆ รวมแล้วชุดเจ้าสาวหมดไปไม่เกิน 6 พันบาท ถูกว่าไปเช่าเยอะเลย
ส่วนเรื่องแหวน แฟนเพื่อนเราเปิดบริษัทจิวเวลลี่ส่งนอก เราก็เลยสั่งเพื่อนได้ราคาพิเศษกันเอง แบบถูกใจมาก เป็นทรงดอกพิกุลวินเทจ ตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์ สวยถูกใจเจ้าสาวสุด ๆ ของเจ้าบ่าวเป็นแหวนทองฝังพลอยแดงเมืองจันทบูรบ้านเกิดเจ้าสาว ซึ่งเป็นพลอยจากป้าเจ้าสาวให้มา แบบแหวนเราก็หาไอเดียมาจากในอินเทอร์เน็ตอีกเช่นกัน
ส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมก็มีจ้างร้านดอกไม้ หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเช่นกัน ตอนแรกก็คิดว่าอยากจะจัดดอกไม้เอง แต่เอาเข้าจริง ๆ คิดว่าคงทำไม่ไหว เลยตัดใจจ้าง นอกจานี้ก็จ้างวงดนตรีเล็ก ๆ มาเล่นสร้างบรรยากาศ พวกของประดับตกแต่งเจ้าสาวก็หาซื้อของมาทำเอง
ในงานเรามีเกมตอบคำถามให้แขกเล่น โดยตั้งคำถามจากสิ่งของที่เป็นความทรงจำที่ผ่านมาของบ่าวสาว ที่วางโชว์ไว้หน้างาน แจกของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทน เป็นอีเว้นท์ขั้นเวลาเพื่อไม่ให้แขกเบื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามทำมาตลอดหลายเดือน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวเรามาตลอดได้ถ่ายทอดออกมา เพื่อเป็นการขอบทุกคนที่มีความหมาย ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ทุกคนที่เป็นเพื่อนพี่น้อง เพราะในชีวิตของคนเรา คงมีโอกาสน้อยมากที่จะรวบรวมคนที่เรารักและรักเรามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เยอะ ๆ แบบนี้ เราจึงอยากจะทำให้ทุกคนได้มีความสุข ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้มีส่วนร่วม ได้รู้สึกอิ่มเอมใจไปพร้อม ๆ กับเจ้าสาวเจ้าบ่าว เรารู้สึกภูมิใจกับงานมากทุกคนชมเป็นเสียงเดียวว่าเป็นงานที่อบอุ่น เป็นกันเอง ทุกอย่างดูดี ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจจริงของเจ้าสาวในทุกรายละเอียด บางคนถึงขนาดเอ่ยปากว่าขอเป็นงานแต่งต้นแบบ

เราอยากจะบอกว่าการแต่งงานถ้าเรารู้จักว่าเราต้องการอะไรและอะไรที่เราสามารถทำเองได้ เราก็จะประหยัดเงินในส่วนนั้น ๆ ไปได้เยอะ ไม่จำเป็นที่เราต้องไปจัดใหญ่โต งานแต่งเรานี้ด้วยทางเจ้าสาวเองไม่มีพ่อแม่แล้ว ญาติเราก็ไม่ได้เยอะ ส่วนทางเจ้าบ่าวทางบ้านก็เรียบง่าย ทำให้เราได้จัดงานเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ ได้อย่างที่เราต้องการ ทำให้งบในการจัดงานของเราไม่ได้สูงมากนัก บางคนอาจคิดว่างานแต่งงานบางครั้งมันก็ดูเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ถ้าเราตั้งใจทำ มีการจัดการวางแผน และทำส่วนที่เราสามารถทำได้เองด้วยตัวเอง นอกจากจะประหยัดแล้วเรายังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจความใส่ใจที่เรามีต่อทุกคน สร้างความประทับใจให้แขกของเราได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ให้เราคิดเสมอว่าอะไรที่จำเป็นกับเรา เราเสียได้แค่ไหน อย่าทำอะไรไปเกินตัว เราเข้าใจว่าความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ถ้าคุณไปทุ่มให้อย่างหนึ่งแล้วคุณก็ควรมองว่าเราไปประหยัดกับจุดไหนได้บ้างก็ยังดี ดีกว่าทุ่มให้อลังการไปซะทุกอย่าง สุดท้ายมานั่งเป็นหนี้ใช้กันตอนจบงานอันนี้ก็คงไม่ดีแน่ อะไรทำเองได้แนะนำว่าทำเองเป็นดีที่สุด

เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จัดงานก็เป็นเงินที่เรากับแฟนหามาด้วยกัน เก็บออมกันมา หลังจากซื้อบ้านแล้วยังมีเงินพอเหลือ เราเลยเอามาจัดงานได้ถ้าเราไม่มีเงิน แล้วต้องให้แฟนไปเอาเงินจากพ่อแม่เขามาจัดเราก็คงไม่จัด เพราะเรารู้ว่าพ่อแม่เขาทำงานกันหนัก บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวย ค้าขายเก็บหอมกันมาหลายสิบปี มีเงินพอแค่ไหนเราก็จัดกันแบบนั้น ไม่ทำอะไรเกินตัว สินสอดเราก็ไม่ได้เรียกหรือร้องขออะไร เพราะเราก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตเราก็ดิ้นรนเลี้ยงดูตัวเองมาเองตลอด ที่ทุกวันนี้มีทุกอย่างก็เพราะแฟนคนนี้จริง ๆ เราก็ซาบซึ้งบุญคุณของเขามากพอแล้วที่ยอมรับเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา

ใครที่กำลังวางแผนจะแต่งงานก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถึงแม้มันจะเหนื่อยจะหงุดหงิดยุ่งยากลำบากใจในบางครั้งแต่พอวันงาน เมื่อเราได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของแขก ได้รับคำอวยพรจากทุกคน มันจะทำให้ความเหนื่อยที่เราได้พยายามผ่านมานั้นหายไปหมด และแทนที่มาด้วยความปลื้มปีติใจจริง ๆ ค่ะ
ป.ล. 1 ขอบคุณครอบครัวเจ้าบ่าว ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุก ๆ คนที่ช่วยเหลือให้งานนี้ผ่านพ้นมาด้วยดี
ป.ล. 2 ขอบคุณทุกเว็บไซต์ที่เราเข้าไปหาข้อมูลนะคะ โดยเฉพาะพันทิป^^

อันนี้เป็นตอนที่เจ้าบ่าวมารับตัว เจ้าสาวกับเพื่อนเลยยื่นแขนออกไปให้เลือกว่าแขนไหนของเจ้าสาว เลือกผิดก็รับไปผิดนะจ๊ะ ไอเดียนี้ก็ได้จากคอมเม้นท์กระทู้พันทิปนี่แหละ 555

อันนี้เป็นพวกการ์ดเชิญ ของชำร่วย ของรับไหว้ แล้วก็ถุงเงินประตู (เงินประตูจะไม่ได้ใส่เป็นซอง แต่เอาเหรียญใส่ถุงกำมะหยี่แทน เป็นเหรียญที่เรากับแฟนหยอดกระปุกเก็บกันไว้ ได้เอามาใช้งานพอดี อิอิ เขาว่าอันนี้น่ารักดีไอเดียเจ้าบ่าวล่ะ) ตอนงานก็เอาถุงเงินใส่ตะกร้าหวายให้เถ้าแก่หิ้ว เถ้าแก่คงจะหนักมากเหรียญล้วน ๆ 555

อันนี้เป็นป้ายโต๊ะแขก เราจัดที่นั่งให้แขกแต่ละคนเลยว่านั่งโต๊ะไหนกับใคร เนื่องจากคนไม่มากจึงพอทำแบบนี้ได้แต่ถ้าแขกเยอะคงไม่ไหว ส่วนป้ายเลขโต๊ะอีกด้านก็เอารูปตอนเด็กของเจ้าสาวเจ้าบ่าวมาติด ป้ายทำเองหมดกระดาษลังนี่แหละ มองให้มันเป็นศิลปะ ฮ่า ๆๆ

ไอเดียนี้ก็ได้มาจากในอินเทอร์เน็ตเช่นเคย แต่เอามาประยุกต์วาดเป็นรูปแก๊งโอเลี้ยง ลูก ๆ ของเรา ตัวจริงไม่ได้ไปร่วมงานเลยต้องพาร่างอวตารไปแทน

วาดต้นไม้แล้วให้แขกช่วยกันทำใบไม้ให้ ไอเดียฝรั่งเขา ใครจะเปลี่ยนเป็นแบบอื่น ๆ ก็ได้ เป็นรูปการ์ตูนเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนถือลูกโป่ง แล้วทำให้แขกปั๊มนิ้วเป็นลูกโป่งก็เก๋ไปอีกแบบ พอดีต้นไม้เข้ากับสัญลักษณ์งานเราพอดี

คำอวยพรก็ไม่ต้องไปเขียนลงสมุด เขียนลงผ้าใบไปเลยเสร็จแล้วติดผนังบ้าน...จบปิ๊ง สวยงามตามท้องเรื่องยืนมองได้ทุกวันไม่ต้องไปนั่งเปิดสมุดดู ใครแขกเยอะก็เอาผืนใหญ่ ๆ หน่อย วาดรูปตกแต่งไปเพิ่ม หรือเขียนอักษรย่ออยู่ตรงกลาง ก็เก๋กูด (ตอนแรกว่าจะวาดรูปใส่ไปด้วยแต่ทำไม่ทัน 555)
บรรยากาศภายในงานเริ่มด้วยตอนเช้า เจ้าสาวพอแต่งหน้าเสร็จก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน เจ้าสาวลงมาจากรถด้วยความสวยงามกระโปรงยาวสยาย เดินเจิดจรัสมาตามพรมพร้อมเจ้าบ่าว.....เปล่าเลยจ้า 555+ แต่งหน้าเสร็จชุดก็ใส่แค่เสื้อกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ลงรถมาวิ่งดุ๊ก ๆ หอบของวุ่นวาย วิ่งไปจัดอาสนะ พระโต๊ะหมู่ โต๊ะลงทะเบียน ชี้โบ้ชี้เบ๊สั่งงานเพื่อน ๆ (เนื่องจากทางร้านไม่สะดวกให้จัดสถานที่ตอนกลางคืน เลยต้องมาจัดกันตอนเช้า เจ้าสาวนี่วิ่งวุ่นวนเป็นหมากัดหางตัวเองเลยจ้า) จนพระมาแล้ว เจ้าสาวถึงได้วิ่งหาที่เปลี่ยนชุดใส่กระโปรงสวยงามออกมาได้ เพื่อน ๆ ก็บอกไม่ต้องทำเดี๋ยวทำได้ อีนี่ก็ห่วงไง อยากทำเองไปทุกอย่าง ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยนะ ถ้าไม่ได้ทุกคนงานคงไม่สำเร็จดีแบบนี้ โดยเฉพาะเพื่อนเจ้าสาววิ่งกันวุ่นจนไม่มีเวลาแม้แต่ Selfie กัน
พอเลี้ยงพระเสร็จก็พอมีเวลาเดินถ่ายรูปคนนั้นคนนี้ รับแขกแป๊บหนึ่งก็เตรียมตั้งขบวนขันหมาก เจ้าสาวก็ต้องไปซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ก็ไปเตี๋ยมกับเพื่อนเจ้าสาว เดี๋ยวยื่นแขนไปให้เจ้าบ่าวเลือกนะ ทำมือแบบนั้นแบบนี้นะ สนุกสนาน ฝั่งเจ้าบ่าวเข้ามาถึงประตูเราก็ซ่อนอยู่ได้ยินแต่เสียงมา ประตูแต่ละด่านก็ให้ทำนู่นทำนี่กันสนุกสนาน ไอ้เราก็ได้ยินแต่เสียงตะโกนบอกรักมั่ง ตะโกนเจ้าสาวสวยเหมือนนางฟ้ามั่ง 5555+ เจ้าสาวเลยตะโกนกับไปเสี่ยวมากกกกกก 555+ (คือพูดไปได้ไงเนี่ยเจ้าบ่าวชั้นล่ะอายแทน) มีอยู่ด่านหนึ่ง อยู่ดี ๆ ได้ยินเจ้าบ่าวร้องเพลงชาติจ้า อีนี่งงไปเลย มาถามทีหลังมีน้องบอกให้เจ้าบ่าวร้องเพลงให้เจ้าสาว (เจ้าบ่าวชั้นมันร้องเพลงเป็นซะที่ไหนละ คบกันมา 8 ปี ได้ยินฮีร้องเพลง 3 ครั้งได้ แต่อย่าเรียกว่าร้องเลย เรียกว่าท่องอาขยานดีกว่า 555+) ฮีบอกมีอยู่เพลงเดียวที่ร้องจบเพลง คือ เพลงชาติ 555+ ฮีก็ร้องเลยจ้า (บอกเขาไปสิที่ร้องเพลงชาติเพราะชาตินี้เราจะได้รักกันตลอดไป ฮิ้ววววว)
ตอนมารับตัวชอตที่ยื่นแขนเราก็กลัวไง เดี๋ยวฮีจะดึงผิด รู้ว่าฮีต้องจำไม่ได้แน่นอนว่าแขนไหนของเจ้าสาว เพื่อความไม่ประมาทส่งพรายไปกระซิบข่าวเจ้าบ่าว เดี๋ยวเจ้าสาวทำมือแบบนี้นะ ดึงมือนี้นะ ห้ามดึงไปผิด 555+

เสร็จพิธีสวมแหวน รับสินสอด ก็รีบเรียกเพื่อน ๆ น้อง ๆ มาช่วยกันยกโซฟาออก เอาตั่งรดน้ำสังข์มาตั้งแทน 555+ คือใช้สถานที่จุดเดียวมูฟของเข้า-ออกกันแทน ตอนรดน้ำสังข์เจ้าสาวก็แซวเกือบทุกคนที่มารดน้ำให้ ไอ้เราก็กลัวเขาเขินกันไง ไอ้ชอตรดน้ำเนี่ยรู้เลยหลายคนจะเขิน ๆ เกร็ง ๆ จะอวยพรอะไรดีนะ เจ้าสาวเลยแซวไปเรื่อยจะได้หัวเราะหายเขินกัน แต่ตอนผู้ใหญ่อวยพรเจ้าสาวก็มีน้ำตาไหลอยู่นะ ซึ้งใจ
จบรดน้ำก็เรียกน้อง ๆ มายกตั่งออกไป วงดนตรีก็เข้ามาจัดกัน ดนตรีก็เล่นไปแขกก็เริ่มกินข้าวกัน เจ้าสาวเจ้าบ่าวก็ได้นั่งพักกินข้าว พอกินเสร็จก็เชิญผู้ใหญ่มาอวยพร เจ้าสาวเจ้าบ่าวก็พูดขอบคุณแขก ไอ้ตอนนี้นี่แหละเซอร์ไพรส์ เราและทุก ๆ คนจะรู้ดีว่าเจ้าบ่าวเนี่ยเป็นคนพูดน้อย น้อยมาก ชอบมีหลายคนมาถามเราว่าอยู่บ้านเจ้าบ่าวพูดบ้างไหม 5555+ แล้วฮีก็ดูกังวลมาตลอด ก่อนงานก็บ่นว่าไม่อยากพูดเลยต้องพูดด้วยเหรอ เราก็บอกเขาว่าไม่ต้องพูดอะไรเยอะ ก็พูดขอบคุณแขกที่มาร่วมงานแค่นั้นแหละ เดี๋ยวเราพูดเองที่เหลือ ตอนงานเราก็เลยออกปากบอกแขกก่อนเลยว่า "เจ้าบ่าวอาจจะพูดได้ไม่มากนะคะทุกคน เดี๋ยวเจ้าสาวจะพูดยาว ๆ แทนให้ เจ้าบ่าวอยากจะกล่าวอะไรคะ" แล้ว แล้ว แล้ว ฮีก็พูด......ยาวมาก พูดขอบคุณคนนั้นคนนี้เป็นเรื่องเป็นราว พูดถึงความรู้สึกว่าขอบคุณเจ้าสาว อยู่กับเจ้าสาวแล้วเขาเป็นตัวของตัวเอง เราทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น โอ๊ยยยยยย อีเจ้าสาวน้ำตาไหลพรากกกกกก อึ้ง...อึ้งจริง ๆ ไม่คาดคิดมาก่อน จำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าฮีพูดอะไรไปนัก จำได้แค่ที่เล่าไปนี่แหละ 555+ ส่วนเจ้าสาวก็ขอบคุณคนนั้นคนนี้ ขอบคุณเจ้าบ่าว ไม่ว่าเจ้าสาวจะสุข จะทุกข์ จะเศร้าใจ ร้องไห้มากแค่ไหน ก็จะมีเจ้าบ่าว นั่งเล่นเกมอยู่ข้าง ๆ เสมอ ฮากระจาย 555+ (เจ้าบ่าวติดเกมเว่อร์มาก ทุกคนรอบกายจะรู้ดี)
จบก็เล่นเกมให้เพื่อน ๆ คิดคำถามมาถามเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพื่อนก็ไปเอาวีรกรรมเก่า ๆ ของเจ้าบ่าวมาตั้งคำถาม เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำถามก็เอาจากของที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะลงทะเบียนมาถามเป็นของขวัญ ดอกไม้ ตั๋วหนัง อะไรต่าง ๆ ของที่เราเคยให้กัน ถ้าไปถามอะไรลึก ๆ หลายคนคงตอบไม่ได้ ต้องให้โอกาสเท่า ๆ กัน (คิดกันถึงขนาดนี้ 555+) หัวเราะกันสนุกสนาน สร้างความบันเทิงให้แขก ๆ ไม่ให้มานั่งเบื่อ

พอกินข้าวเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกลับ....จบ
เป็นงานที่อบอุ่น สนุกสนาน รวดเร็ว รวบรัด ทุกคนกลับบ้านไปด้วยความอิ่มเอมใจ เป็นไปตามที่เจ้าสาวต้องการ แม้อาจจะมีหลาย ๆ อย่างตกหล่นไปบ้าง เนื่องจากเจ้าสาวก็มีร่างเดียว ถ้าแยกร่างได้วันนั้นเจ้าสาวก็จะแยกสัก 7 ร่าง เพื่อให้งานสมบูรณ์กว่านี้ 555+ แต่พอจบงานแล้วได้เห็นทุกคนที่มางานมีความสุขกลับบ้านไป ก็เป็นความสุขที่สุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วค่ะ
ป.ล. รูปอาจมีไม่มากนะคะ เพราะยังไม่ได้จากตากล้อง ที่เอามาลงเขาส่งมาให้เป็นแค่น้ำจิ้มนะคะ แล้วเจ้าสาวก็ไม่อยากให้หน้าออกสื่อมากนัก เดี๋ยววันหนึ่งกลายเป็นเซเลบฯ ขึ้นมาแล้วทำอะไรผิดพลาดไป ชาวพันทิปอาจตามขุดกันไปถึงแกนโลกได้ 555+ (ล้อเล่นนะคะ อิอิ)
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณแก็งค์โอเลี้ยง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม