หัวใจรักไร้พรมแดน กมลา กำภู ณ อยุธยา-ไมเคิล โพลัค (Woman's story)
ความรักมักจะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้เสมอ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ความรักของคนสองคน สองวัฒนธรรมจะมาลงเอยด้วยการใช้ชีวิตคู่ และเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่นเดียวกับเรื่องราวความรักของ หนิง- กมลา กำภู ณ อยุธยา และสามีชาวสโลวัคเกีย ไมเคิล โพลัค ซึ่งความรักครั้งนี้ของทั้งคู่ได้หล่อหลอมมาจากเพื่อน ที่มีแต่ความห่วงใย เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจกัน
จนในที่สุดต้นรักก็ได้ผุดขึ้นมาในหัวใจของทั้งคู่ เกิดเป็นความผูกพัน และกลายมาเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่นอย่างทุกวันนี้...เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรา ไปติดตามเรื่องราวความรักดี ๆ ของทั้งคู่กันเลยดีกว่าค่ะ..
ความรักครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
หนิง กมลา : ช่วง นั้นหนิงเพิ่งเลิกกับแฟนน่ะค่ะ แต่ก็รู้สึกว่ามันยังเลิกไม่เต็มที่ เพราะก็ยังรักคนนั้นอยู่ แล้วช่วงที่เพิ่งเลิกกับแฟน หนิงก็โทรหาเพื่อน ชวนกันไปเที่ยว คือมันกำลังเฮิร์ต แล้วก็เหงาอ่ะนะ (ยิ้ม) เพื่อนก็โอเค ตกลงหนิงก็ไปเที่ยวกันกับเพื่อน แล้วเพื่อนหนิงคนนี้เค้าเป็นเพื่อนกับไมเคิล ก็เลยชวนมาเที่ยวด้วยกัน ก็ได้เจอกับไมเคิลตอนนั้น แต่หนิงก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว กลับจากเที่ยวแล้วเราก็พากันมานั่งคุยกันต่อนิด ๆ หน่อย ๆ ที่บ้านเพื่อน ดึกๆแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วตอนจะแยกย้ายกันนี่แหละไมเคิลเค้าก็ขอเบอร์หนิง (ยิ้ม)
อืม..ขอเบอร์ได้ไหม หนิงก็บอกว่าไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะเราก็ยังไม่รู้จักว่าเค้าเป็นใคร นิสัยยังไง แล้วถ้าเค้าต้องการเข้ามาแบบชั่วคราว หนิงไม่เอาอยู่แล้วแบบนี้ หนิงไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกับหนิง ก็เลยคิดว่าไม่เอาดีกว่า เพราะอีกใจนึงลึก ๆ ก็ยังรักคนเก่าอยู่ อืม...หลังจากวันนั้นหนิงก็ไม่ได้คุยกับไมเคิลเลย
ทีนี้ผ่านไป 2 เดือน มีอยู่วันนึงหนิงไปเดินเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็เดิน ๆ ไปก็สังเกตเห็นผู้ชายคนนึง หนิงก็เอ๊ะ..คุ้นๆ จังเลย สุดท้ายก็อ๋อ ไมเคิลนี่เอง คือเค้าเปิดร้านรองเท้าอยู่ที่เซ็นทรัลฯ พอดี หนิงก็เลยเข้าไปทักทายเค้า แล้วก็ดู ๆ รองเท้าที่ร้านเค้า ก็รู้สึกว่าเออ...สวยดีนะ ก็ติดต่อขอเอามาลงหนังสือ เป็นเหตุให้ต้องแลกเบอร์กัน ซึ่งสำหรับหนิงก็คิดเป็นไปในทางธุรกิจ ส่วนในใจเค้าคงแบบดีใจ โอ้โหได้เบอร์แล้วอะไรอย่างนี้ (ยิ้ม)
หนิง กมลา : หลังจากนั้นเค้าก็ส่งแมสเสจมาตลอดเลย หนิงก็ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง เค้าโทรมาก็รับบ้างไม่รับบ้าง เรายังไม่ได้อะไรกับเค้า แล้วช่วงที่ห่างกับไมเคิล 2 เดือนนั้น หนิงก็กลับไปคืนดีกับแฟนเก่า ก็จะเป็นแบบรัก ๆ เลิก ๆ อยู่อย่างนั้น แล้วมาเจอไมเคิลอีกทีมันก็เป็นช่วงที่หนิงมีปัญหากับแฟนเก่า หนิงก็ได้ไมเคิลที่คอยให้คำปรึกษา เป็นที่ระบาย จนหนิงมีความรู้สึกว่าคนนี้คุยได้ทุกเรื่องนะ เค้าดูเฟรนด์ลี่นะ ไม่ได้เข้ามาในเชิงแบบจีบอย่างเดียว เค้าก็คุยกับเรา เป็นเพื่อนเราไปด้วย
แล้วเค้าก็บอกว่า เออ...อยากให้รู้นะว่าเค้าก็ไม่มีใครตอนนี้ แล้วเค้าก็จะรอเรานะ หนิงก็เออ รอก็รอ ไม่ได้คิดอะไร จนหลังจากนั้นอีก 2 เดือน หนิงก็เลิกกับแฟนจริง ๆ แบบไม่เอาแล้ว พอกันทีอะไรงี้ค่ะ จำได้ว่าช่วงนั้นสงกรานต์พอดี ซึ่งหนิงก็วางแผนไว้นานแล้วว่าสงกรานต์จะไปเที่ยวกับแฟน แต่อยู่ดี ๆ มันเลิกกันกะทันหันอ่ะ ก็เลยแบบทำไงดีอยู่คนเดียวแล้ว จะไปเที่ยวกับใครดี เลยโทรหาเพื่อน เพื่อนหนิงเค้าจะไปมาเลเซียกันค่ะ สรุปหนิงก็เลยได้ไปมาเลเซียกับเพื่อน แต่หนิงต้องเดินทางตามไปทีหลัง วันเดินทางหนิงก็อยู่สนามบินคนเดียวก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แล้วอยู่ดี ๆ ไมเคิลก็แว๊บขึ้นมา เลยลองโทรหาเค้าดู พร้อม ๆ กับคิดว่าลองให้โอกาสเค้าดู โทรไปหนิงก็บอกเค้าว่า หนิงเลิกกับแฟนแล้วนะ เค้าก็แบบดีใจสุด ๆ ดีใจมาก แล้วเค้าก็บอกว่าเป็นความสุขที่สุดของเค้า เค้าดีใจมาก ๆ อะไรแบบนี้ ก็เลยคบกันมาเรื่อยๆ ค่ะ
แล้วช่วงที่คบกันประทับใจอะไรคุณไมเคิลคะ
หนิง กมลา : ไม เคิลเค้าก็ไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไรนะคะ แต่เค้าเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง คิดเรื่องงานตลอด หนิงประทับใจและก็ภูมิใจมากที่ตัดสินใจตอบตกลงแต่งงานเค้าไปวันนั้น เพราะเค้าทำให้ชีวิตหนิงมันดี มีความสุข เค้าสอนให้หนิงรู้จักว่าใช้เงินยังไง
เค้าเป็นคนประหยัด ใช้เงินเป็น สอนให้เรารู้คุณค่าของเงิน ใช้เงินอย่างระมัดระวังไม่ฟุ่มเฟือย คือเมื่อก่อนหนิงจะเป็นคนที่มีเงินแล้วเงินก็จะอยู่ในแบงก์ กินดอกเบี้ย แต่เค้าจะสอนว่ามีเงินก็เอาออกมาสร้างอะไรให้มันงอกเงย ไมเคิลจะคิดเป็นธุรกิจ เรามีได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะเค้าค่ะ เค้าเป็นคนที่ทำให้เราได้มีความคิดที่กว้างขึ้นอ่ะค่ะ กับเค้าก็ประทับใจหลาย ๆ อย่าง
อืม... เค้าเป็นฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุ 23 แต่ เค้าสามารถพูดภาษาไทยได้ดีมาก สามารถเรียนรู้อะไรได้เร็ว และเป็นคนที่หัวดี สมองเค้าดี เก่ง สามารถเอาตัวรอดได้ ไมเคิลเค้ามาอยู่เมืองไทยได้ประมาณ 10 กว่า ปีได้ เค้าเป็นคนที่สู้เหมือนกันนะ ทำงานหนัก ตั้งใจทำงาน เวลาที่เค้าทำงาน เค้าจะศึกษาอย่างละเอียด จริงจัง ตั้งใจ แล้วเค้าทำงานดีมาก ที่สำคัญเค้าไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แล้วเค้าก็รักครอบครัวมาก ถือว่าหนิงโชคดีที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้ หนิงคิดว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วค่ะ
หลังจากที่คบกันมาระยะนึงแล้วมีการขอแต่งงานเกิดขึ้นไหมคะ
หนิง กมลา : หลัง จากที่เราคบกันมาเรื่อยๆ คบกันได้ประมาณปีนึง เค้าขอหนิงแต่งงาน แต่หนิงไม่คิดว่าเค้าจะขอเร็วขนาดนี้ คิดว่าเต็มที่น่าจะ 3 ปี แต่ถ้า 3 ปียังไม่ขอเนี่ยมันก็ชักจะยังไงแล้วนะ แต่นี่คบกันได้ปีเดียวเค้าก็ขอแต่งงานเลย เขาขอในวันวาเลนไทน์ โดยที่เค้ามีแพลนว่าจะพาหนิงไปดินเนอร์ แล้วขอแต่งงาน หนิงก็ไม่คิดว่าเค้าจะขอ หนิงก็เลยชวนไปกินข้าวกับญาติ ไมเคิลเค้าก็โอเค แล้วเค้าก็ชวนน้องเค้ากับแม่ของเค้ามาด้วย หนิงก็ยังไม่ได้คิดอะไร ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะที่วาเลนไทน์ไม่ได้มีแค่ 2 คนแต่มีเป็นครอบครัว อบอุ่นดีค่ะ (หัวเราะ)
หนิง กมลา : แล้ว ตอนที่ไมเคิลเค้าจะขอแต่งงาน ก็จะมีเปิดแชมเปญเปิดเสร็จแล้วเค้าก็ยืนขึ้นแล้วเค้าก็พูด ๆ อะไรของเค้าไป พูดเสร็จก็ล้วงกระเป๋าเป็นกล่องออกมา แล้วหนิงก็เฮ้ย...จะขอแล้วหรอ มันรู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกันนะ แล้วก็รู้สึกดีใจด้วย แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่พร้อมด้วย ตอนนั้นหนิงก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี หนิงก็ถามเค้าว่าคุยกับคุณยายหรือยัง เพราะธรรมเนียมไทยเราต้องคุยกับผู้ใหญ่ก่อนนะ หนิงก็อึ้งอยู่สักพัก แล้วเค้าก็มานั่งคุกเข่าแล้วขอแต่งงาน (ยิ้ม) น้องสาวก็เชียร์ใหญ่เลย จนในที่สุดหนิงก็เลย Yes ๆ ตอบตกลงเค้าไป (หัวเราะ)
สำหรับหนิง ก็คิดว่ามันเร็วมากเราไม่ทันตั้งตัว เพราะถ้าหนิงจะรักใครมันก็ต้องใช้เวลาหน่อย แต่เค้าฝรั่งรักใครก็รักเลย แล้วเค้าก็บอกว่าขอวันนี้ แล้วอีกปีนึงค่อยแต่งนะ เหมือนหมั้นไว้ก่อน หนิงก็เลยโอเค จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ศึกษากันไป จึงแต่งงานกัน ถึงวันนี้ก็แต่งงานมา 2 ปีแล้ว มีน้อง 1 คน (ยิ้ม)
เมื่อวันแต่งงานมาถึงความรู้สึก ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรคะ
หนิง กมลา : ก็ รู้สึกแฮปปี้ค่ะ เหนื่อยด้วย ตื่นเต้นด้วย เครียดด้วย (หัวเราะ) เพราะหนิงจัดการเองทั้งหมด ดอกไม้หนิงก็จัดเอง แล้วดอกไม้มันยังจัดไม่เสร็จ เวลาก็เหลือไม่มาก เราก็กังวล พอใกล้ถึงเวลาจริง ๆ แล้วหนิงก็จะไม่ได้ดูอะไรเพราะมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์เยอะมาก
พอถึงเวลา เราออกมาแล้วก็ได้เห็นบรรยากาศงาน รูปแบบงานที่เราคิดไว้ แล้วความรู้สึกตอนนั้นคือ มันตะลึงอ่ะ ว่าเฮ้ยงานแต่งงานเราสวยมาก มันเข้ากันหมด สีสันสดใส ทุกอย่างลงตัวมากค่ะ รูปแบบงานของเราออกมาแล้วมันให้อารมณ์โรแมนติกอ่ะค่ะ สวยมากเลย ก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ค่ะ (ยิ้ม)