เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หากพูดถึงอัญมณีเลอค่าที่คู่ควรกับเจ้าสาวคงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่า "เพชรเม็ดงาม" ซึ่งมาพร้อมกับประกายแวววาวและเนื้อภายในเนียนใสบริสุทธิ์อีกแล้ว โดยเฉพาะในเวลาที่เพชรเรียงรายอยู่บนเรือนร่างไล่มาตั้งแต่เทียร่า สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ไปจนถึงแหวนแต่งงานตัวแทนคำมั่นสัญญา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบถึงข้อมูลสำคัญของเพชร ดังนั้น วันนี้เราจึงรวบรวมเอารายละเอียดเหล่านั้นมาฝากกัน
1. ตำหนิ
เพชรที่บริสุทธิ์จริง ๆ สามารถสังเกตดูได้จากความใสประกายและความโปร่งแสง นอกจากนี้ ก็ไม่ควรมีตำหนิหรือสีใด ๆ ปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเทียบได้กับระดับ 1 หรือ FL จึงจะถือได้ว่าเป็นเพชรน้ำงามจริง ๆ ส่วนเพชรมีตำหนิจะถูกจัดอยู่ในระดับ 2 เรื่อยลงไปจนถึงระดับ 11 ขึ้นอยู่ กับความชัดเจนของรอยความเสียหายที่ปรากฏ โดยแบ่งตามขนาด ชนิด จำนวน และตำแหน่ง
2. กะรัต
จำนวนของกะรัตเป็นตัวบ่งบอกคุณค่าของเพชรได้เป็นอย่างดี และเป็นส่วนที่ทำให้ราคาของเพชรแต่ละเม็ดแตกต่างตามกันไปด้วย ถึงแม้องค์ประกอบต่าง ๆ และภาพรวมของเพชรที่เลือกมานั้นจะเหมือนหรือมีความใกล้เคียงกันก็ตาม โดยน้ำหนักของเพชร 1 กะรัตอยู่ที่ 0.2 กรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจียระไนเป็นหลัก ดังนั้น เพชรขนาดใหญ่จึงไม่ได้หมายความว่าจะมีจำนวนกะรัตมากเสมอไป
3. การเจียระไน
การเจียระไนไม่ได้ใช้วัดจำนวนของกะรัตเพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพและดีไซน์ด้วย เพราะมีผลต่อหน้าตัดและการหักเหของแสงตกกระทบ รวมไปถึงรูปทรงภายนอก ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 9 แบบหลัก คือ มาคีย์ ปริ๊นเซส เรเดียน เหลี่ยมมรกต แอสเซอร์ หยดน้ำ หัวใจ รูปไข่ และทรงกลมอันเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
4. สี
เกรดสีของเพชรถูกแบ่งออกเป็น 23 เกรดด้วยกัน เริ่มจากเกรด D ซึ่งจัดเป็นเกรดที่มีค่าและหาได้ยาก เนื่องจากเนื้อเพชรนั้นจะต้องใสสะอาดบริสุทธิ์จริง ๆ ไล่เรื่อยไปจนถึงเกรด Z เกรดสุดท้ายที่ใช้สำหรับวัดระดับของสีเพชร โดยในเพชรในเกรดนี้จะไม่ใสสว่างดังเช่นเกรดอื่น ๆ เพราะมีสีเหลืองสดปะปนอยู่ในเนื้อเพชรมากที่สุด
5. ประกายเพชร
การเลือกซื้อเพชรแต่ละครั้งไม่ควรดูจากองค์ประกอบต่าง ๆ อันได้แก่ กะรัต สี หรือการเจียระไนเท่านั้น แต่ควรจะพิจารณา จาการทดสอบความแวววาวของด้วย โดยการนำไปทาบกับกระดาษขาวแล้วส่องกับแสงไฟ ซึ่งเพชรที่ดีและมีคุณภาพจะเปล่งประกายออกมา หรือกลายเป็นสีฟ้าในทันที ถ้าหากไม่ปรากฏอย่างที่กล่าวมาให้สงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็นของปลอม
6. ใบรับประกัน
การซื้อขายเพชรควรจะมีใบรับประกันแนบมาด้วยทุกครั้ง เนื่องจากใบรับประกันจะมีข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของเพชรระบุอยู่ทั้งคุณภาพ จำนวนกะรัต สี ดีไซน์ อีกทั้งยังเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้ากับความน่าเชื่อถือของผู้ขายไปพร้อมกันด้วย และสามารถมั่นใจได้มากขึ้นหากทางร้านมีใบรับรองจากสถาบันระดับโลกอย่าง GIA (Gemological Institute of America) หรือ AGS (American Gem Society)
7. ราคา
ก่อนที่จะตัดสินใจควรจะดูองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งหมดว่าเหมาะสมกับราคาขาย และอยู่ในวงเงินที่ตั้งเอาไว้หรือเปล่า พร้อมกันนี้อาจจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับราคาขายทั่วไปของเพชรในสเปคเดียวกันหรือมีความใกล้เคียงด้วย เพื่อให้ได้เพชรที่มีคุณภาพและดีที่สุดสำหรับเรา
นอกจากรายละเอียดดังที่กล่าวไปแล้ว อย่าลืมถามข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยน ขายคืน ซื้อวงใหม่ และนโยบายการบำรุงรักษาของทางร้านด้วย เพื่อรักษาสิทธิ์กับประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต นอกจากนี้ ยังป้องกันการเข้าใจผิดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาไปพร้อมกันด้วย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
หากพูดถึงอัญมณีเลอค่าที่คู่ควรกับเจ้าสาวคงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่า "เพชรเม็ดงาม" ซึ่งมาพร้อมกับประกายแวววาวและเนื้อภายในเนียนใสบริสุทธิ์อีกแล้ว โดยเฉพาะในเวลาที่เพชรเรียงรายอยู่บนเรือนร่างไล่มาตั้งแต่เทียร่า สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ไปจนถึงแหวนแต่งงานตัวแทนคำมั่นสัญญา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบถึงข้อมูลสำคัญของเพชร ดังนั้น วันนี้เราจึงรวบรวมเอารายละเอียดเหล่านั้นมาฝากกัน
1. ตำหนิเพชรที่บริสุทธิ์จริง ๆ สามารถสังเกตดูได้จากความใสประกายและความโปร่งแสง นอกจากนี้ ก็ไม่ควรมีตำหนิหรือสีใด ๆ ปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเทียบได้กับระดับ 1 หรือ FL จึงจะถือได้ว่าเป็นเพชรน้ำงามจริง ๆ ส่วนเพชรมีตำหนิจะถูกจัดอยู่ในระดับ 2 เรื่อยลงไปจนถึงระดับ 11 ขึ้นอยู่ กับความชัดเจนของรอยความเสียหายที่ปรากฏ โดยแบ่งตามขนาด ชนิด จำนวน และตำแหน่ง
2. กะรัตจำนวนของกะรัตเป็นตัวบ่งบอกคุณค่าของเพชรได้เป็นอย่างดี และเป็นส่วนที่ทำให้ราคาของเพชรแต่ละเม็ดแตกต่างตามกันไปด้วย ถึงแม้องค์ประกอบต่าง ๆ และภาพรวมของเพชรที่เลือกมานั้นจะเหมือนหรือมีความใกล้เคียงกันก็ตาม โดยน้ำหนักของเพชร 1 กะรัตอยู่ที่ 0.2 กรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจียระไนเป็นหลัก ดังนั้น เพชรขนาดใหญ่จึงไม่ได้หมายความว่าจะมีจำนวนกะรัตมากเสมอไป
3. การเจียระไนการเจียระไนไม่ได้ใช้วัดจำนวนของกะรัตเพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพและดีไซน์ด้วย เพราะมีผลต่อหน้าตัดและการหักเหของแสงตกกระทบ รวมไปถึงรูปทรงภายนอก ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 9 แบบหลัก คือ มาคีย์ ปริ๊นเซส เรเดียน เหลี่ยมมรกต แอสเซอร์ หยดน้ำ หัวใจ รูปไข่ และทรงกลมอันเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
4. สีเกรดสีของเพชรถูกแบ่งออกเป็น 23 เกรดด้วยกัน เริ่มจากเกรด D ซึ่งจัดเป็นเกรดที่มีค่าและหาได้ยาก เนื่องจากเนื้อเพชรนั้นจะต้องใสสะอาดบริสุทธิ์จริง ๆ ไล่เรื่อยไปจนถึงเกรด Z เกรดสุดท้ายที่ใช้สำหรับวัดระดับของสีเพชร โดยในเพชรในเกรดนี้จะไม่ใสสว่างดังเช่นเกรดอื่น ๆ เพราะมีสีเหลืองสดปะปนอยู่ในเนื้อเพชรมากที่สุด
5. ประกายเพชรการเลือกซื้อเพชรแต่ละครั้งไม่ควรดูจากองค์ประกอบต่าง ๆ อันได้แก่ กะรัต สี หรือการเจียระไนเท่านั้น แต่ควรจะพิจารณา จาการทดสอบความแวววาวของด้วย โดยการนำไปทาบกับกระดาษขาวแล้วส่องกับแสงไฟ ซึ่งเพชรที่ดีและมีคุณภาพจะเปล่งประกายออกมา หรือกลายเป็นสีฟ้าในทันที ถ้าหากไม่ปรากฏอย่างที่กล่าวมาให้สงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็นของปลอม
6. ใบรับประกันการซื้อขายเพชรควรจะมีใบรับประกันแนบมาด้วยทุกครั้ง เนื่องจากใบรับประกันจะมีข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของเพชรระบุอยู่ทั้งคุณภาพ จำนวนกะรัต สี ดีไซน์ อีกทั้งยังเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้ากับความน่าเชื่อถือของผู้ขายไปพร้อมกันด้วย และสามารถมั่นใจได้มากขึ้นหากทางร้านมีใบรับรองจากสถาบันระดับโลกอย่าง GIA (Gemological Institute of America) หรือ AGS (American Gem Society)
7. ราคาก่อนที่จะตัดสินใจควรจะดูองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งหมดว่าเหมาะสมกับราคาขาย และอยู่ในวงเงินที่ตั้งเอาไว้หรือเปล่า พร้อมกันนี้อาจจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับราคาขายทั่วไปของเพชรในสเปคเดียวกันหรือมีความใกล้เคียงด้วย เพื่อให้ได้เพชรที่มีคุณภาพและดีที่สุดสำหรับเรา
นอกจากรายละเอียดดังที่กล่าวไปแล้ว อย่าลืมถามข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยน ขายคืน ซื้อวงใหม่ และนโยบายการบำรุงรักษาของทางร้านด้วย เพื่อรักษาสิทธิ์กับประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต นอกจากนี้ ยังป้องกันการเข้าใจผิดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาไปพร้อมกันด้วย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ 
