หากจะกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาของการทดลองก็คงไม่ผิดนัก โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ต้องการทดลองเสริมความงามด้วยวิธีการที่แปลกออกไปจากวิธีที่เคยทำมา เช่น การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว การโบท็อกซ์ หรือเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวใหม่ เพราะถ้าหากทดลองเสริมความงามด้วยวิธีการเหล่านี้แค่เพียง 1 เดือน หรือ 1 สัปดาห์ ก่อนถึงวันแต่งงาน อาจทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูเปลี่ยนไปจากที่คาดหวังเอาไว้ก็เป็นได้
ฉะนั้นหากต้องการจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีการใหม่ ๆ ในการเสริมความงามก็ควรรีบทำในช่วง 6 เดือนนี้ เพื่อให้ผิวกลับสู่สภาพปกติและฟื้นฟูตัวเองได้ทันเวลา ในกรณีที่เกิดอาการแพ้หรือมีรอยตำหนิขณะที่เข้ารับการรักษา เนื่องจากการแต่งหน้าสามารถช่วยลบเลือนได้แค่บางส่วน ซึ่งคงจะดีกว่าหากรีบดูแลรักษาตั้งแต่แรก
2. ช่วง 1 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน
สำหรับในช่วงนี้ก็บอกลาวิธีการเสริมความงามรูปแบบใหม่ ๆ หรือสรรหาวิธีการเสริมความงามมาเพิ่มไปได้เลย เพราะคุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าวิธีเหล่านั้นจะส่งผลกระทบกับผิวพรรณและความสวยของคุณในระยะยาวหรือไม่อย่างไร อีกทั้งยังปลอดภัยสำหรับเจ้าสาวมากกว่า ถ้าหากดูแลตัวเองด้วยวิธีการเดิม ๆ ที่เคยทำมา ไปจนถึงวันแต่งงาน นอกจากนี้ 1 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน ยังเป็นช่วงเวลาที่คุณควรจัดเตรียมสิ่งที่ต้องการเอาไว้ให้พร้อม รวมไปถึงการติดต่อกับช่างแต่งหน้า-ทำผม ในกรณีที่เจ้าสาวไม่ได้แต่งหน้าและทำผมด้วยตัวเอง หรือขอความช่วยเหลือจากคนสนิทด้วย
3. ช่วง 1 สัปดาห์ ก่อนถึงวันแต่งงาน
หากเป็นไปได้ในช่วงนี้ควรรักษาผิวสวย ๆ ของเจ้าสาวเอาไว้ โดยการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำสูง เช่น สลัดหรือผลไม้ เป็นต้น อีกทั้งอย่าลืมรักษาความชุ่มชื่นของผิวด้วยการใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำด้วย
4. ช่วงกลางคืนก่อนถึงวันแต่งงาน
ส่วนคืนก่อนถึงวันแต่งงานเจ้าสาวก็ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ควรรบกวนผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ต่างออกไปจากเดิมอีกแล้ว ทั้ง 2 วิธีนี้จะช่วยให้เจ้าสาวดูสดชื่น แจ่มใส และเปล่งประกายความสวยออกมาได้อย่างเต็มที่ สมกับเป็นโอกาสพิเศษของชีวิตทั้งตัวเองและคนรัก
หากเจ้าสาวสามารถดูแลความสวยความงามและบำรุงผิวพรรณได้ตามที่กล่าวมา เชื่อว่าเจ้าสาวทุกคนจะต้องดูงดงามสวยทั้งตัวจริงและในภาพถ่ายอย่างที่หวังเอาไว้ได้อย่างแน่นอน