ปัจจุบันมีคู่รักหลายคู่ที่อยากจัดงานแต่งงานในสวนแบบง่าย ๆ งบเบา ๆ เพราะไม่อยากเสียเงินเกินความจำเป็นไปกับการเช่าโรงแรมหรู แถมบางครั้งกว่าจะได้คิวก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ หลายคนจึงไม่อยากตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และหันมาเลือกจัดงานแต่งงานแบบเล็ก ๆ ที่ไม่เน้นพิธีรีตองอะไรมาก เชิญแต่ญาติและเพื่อนสนิท เหมือนกับตัวอย่างงานแต่งของ คุณ Little My สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ทำให้เราเห็นว่าสามารถเนรมิตงานแต่งออกมาได้อย่างสวยงามที่ร้านอาหาร Mellow Garden ย่านเกษตรนวมินทร์ แถมยังออกมาดูดี เรียบหรู และคลาสสิกไม่แพ้งานแต่งในโรงแรมหรูเลยทีเดียว ที่สำคัญ ! งบไม่บานปลาย คู่รักคู่ไหนที่กำลังกุมขมับ เพราะไม่รู้ว่าจะจัดงานแต่งที่ไหน ลองศึกษาไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากเรากับแฟนพูดคุยกันว่าปลายปีนี้จะแต่งงานกัน เราก็มีเวลาเตรียมตัว 8 เดือน สบาย ๆ วันแต่งงานเอาตามวันที่สะดวก เวลาขอเป็นตอนเช้า ๆ สาย ๆ ในสวน แสงธรรมชาติ งานของเราแทบไม่มีพิธีอะไรเลย
พอแขกมาถึงก็ให้ไปเซ็นอวยพร สอยดรีมแคชเชอร์
แล้วก็มาถ่ายรูปกับเราบนเวทีเตี้ย ๆ ไม่มีแบ็คดรอปแยกต่างหาก
เอาจักรยานของเจ้าบ่าวมาติดดอกไม้+ห้อยกระป๋อง กับลูกโป่งมาวางไว้เป็นมุมถ่ายรูป
เราทำหน้ากากมาเป็นพร็อพให้ทุกคนถ่ายรูปเล่นด้วย
พอแขกมาครบแล้วก็เริ่มพิธี โดยเรากับคุณพ่อเดินเข้ามาด้วยกันตามทางเดิน
ส่วนแฟนเราก็ยืนรอรับอยู่ตรงครึ่งทาง แล้วก็เดินไปด้วยกันต่อจนถึงเวที โดยกำหนดการทุกอย่างยืดหยุ่นได้ ไม่กำหนดเวลา แล้วก็ไม่มีใครรันคิว รันกันเอง ฮ่า ๆ
แล้วก็ถึงเวลาแลกแหวนกัน
แลกแหวนเสร็จก็ให้พ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายอวยพร สัมภาษณ์กันนิด ๆ หน่อย ๆ
แล้วก็หอมแก้มกัน
แล้วก็โยนดอกไม้
เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมเป็นคนรับดอกไม้ได้ ^^
แล้วก็กินข้าวกัน
งานของเราเป็นงานง่าย ๆ ทุกคนเดินไป-มา มาถ่ายรูป พูดคุยกับเราได้ตลอด เรากับแฟนก็ไปนั่งกินกับโต๊ะนู้นที โต๊ะนี้ที
พิธีกรเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวทั้ง 2 คน แล้วก็เป็นเพื่อนกับเราด้วย แล้วคนเปิดเพลง เปลี่ยนเพลง เพิ่มเสียงลดเสียงก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนี่แหละค่ะ เพลงที่เปิดในงานเรากับเจ้าบ่าวช่วยกันเลือก เราไม่ได้จ้างนักร้องหรือนักดนตรีมาแสดงที่งาน แค่เปิดเพลงเบา ๆ อย่างเดียวค่ะ
แขกที่เชิญมาทั้งหมด 200 คน เป็นญาติสนิทและเพื่อนสนิททั้งหมด แอบโดนเพื่อนบางคนที่ไม่ได้ชวนเคืองเหมือนกัน แต่เราถูกจำกัดทั้งขนาดของงานที่ตั้งใจให้เล็ก ๆ และพื้นที่จัดงานที่เล็ก ๆ เลยชวนได้แค่บางส่วนจริง ๆ
วันนั้นสนุกดีค่ะ ผ่านไปเร็วมาก แป๊บเดียวก็ต้องแปลงร่างไปเก็บขงเก็บของที่เอามาละ ฮ่า ๆ
สถานที่จัดงานแต่งงานเริ่มแรกเลยโจทย์คือในสวนหรือริมทะเล เราสองคนไม่ชอบงานในห้องของโรงแรม ไม่เอาแน่ ๆ ฮ่า ๆ ซึ่งพอหาข้อมูล (จากในอินเทอร์เน็ตนี่แหละ) ก็พบว่าค่าใช้จ่ายจัดงานแต่งงานริมทะเลนั้นช่างสูงมาก ไหนจะต้องเปิดห้องพักให้ครอบครัวและญาติมิตรบางส่วนอีก เรื่องงานแต่งริมทะเลเลยถูกตัดออกไป ทีนี้โจทย์ก็คือจัดงานแต่งงานในสวน เรานั่งเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต จนสุดท้ายมี 2 ที่ที่คิดว่าน่าจะโอเคกับเราที่สุด เพราะไม่ไกลบ้าน งานในสวนสวยดี ได้รับการวิจารณ์ในพันทิปแง่บวก ฮ่า ๆ 2 ที่นั้นก็คือบ้านก้ามปูกับ Mellow Garden ก็เลยชวนกันออกไปดูสถานที่ทั้ง 2 ในวันเดียวกันซะเลย มันอยู่ไม่ไกลกัน แถวเกษตรนวมินทร์ทั้งคู่
ที่บ้านก้ามปูสถานที่เป็นต้นไม้ซุ้ม ๆ มีทั้งโซนแอร์กับโซนไม่แอร์ สถานที่จริงดูเก่านิดหนึ่ง แต่ถ้าจัดตกแต่งดี ๆ ก็น่าจะสวยงามมากอยู่ จากรูปของงานคนอื่นก็สวยดี ที่นี่ค่าสถานที่แพงกว่า แต่ค่าอาหารสามารถเซฟได้โดยจ้างโต๊ะจีนมาเอง รวม ๆ แล้วที่นี่ราคาถูกกว่า และถูกใจพ่อแม่มากกว่า เพราะแขกจะได้นั่งกินโต๊ะจีน แต่เค้าไม่ให้ใช้พื้นที่ส่วนที่ไม่แอร์ในวันเสาร์-อาทิตย์ แปลว่าต้องจัดงานวันธรรมดาเท่านั้น
ที่ Mellow Garden ที่นี่สถานที่ดูใหม่กว่า คิดค่าสถานที่ไม่แพง แต่คิดค่าอาหารเริ่มต้นที่หัวละ 550 บาท (บุฟเฟ่ต์) ทำให้รวมออกมาแล้วแพงกว่าพอสมควร แต่เราชอบที่นี่เพราะโต๊ะที่แขกนั่งเป็นโต๊ะยาว ๆ ไม่กลม ๆ แบบโต๊ะจีนที่เราเบื่อ ฮ่า ๆ แล้วก็พื้นที่เป็นสนามหญ้า แต่แขกผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบเดินไปตักบุฟเฟ่ต์นัก ตอนหลังทางร้านแจ้งมาว่าจะเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะวีไอพี (แขกผู้ใหญ่) ให้เราทำป้ายติดที่โต๊ะไว้ ที่นี่วันเสาร์-อาทิตย์ในเดือนพฤศจิกายนกับธันวาคม (พ.ศ. 2558) เต็มหมดแล้ว แปลว่าต้องจัดงานวันธรรมดาเท่านั้นเช่นกัน
หลังจากไปดูสถานที่มาก็กลับมาลังเลกัน 1 สัปดาห์ แล้วก็ตัดสินใจเลือก Mellow Garden เพราะเค้าโทรมาบอกว่ามีลูกค้ายกเลิกจองวันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม เราจะเอาไหม ก็เลยได้วันงานและสถานที่จัดงานละทีนี้ ฮ่า ๆ
เราสั่งขนมจากร้าน Pim’s Bakery แถวซอยอารีย์ (ร้านโปรด) มาเสริมด้วย ส่วนไวน์ในงานคุณแม่เป็นคนจัดการค่ะ ตอนเช้าเรากลัวแขกที่มาเร็วจะหิวเพราะอาหารยังไม่ลง ก็เลยซื้อข้าวเหนียวหมูทอดไว้ให้สำหรับคนที่มาเร็วด้วยค่ะ
ชุดแต่งงานเราเช่าจากร้าน We Wedding by Wanpen ที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่ไปเช่าชุดซะไกลขนาดนั้นเพราะน้องสาว (ซึ่งแต่งงานกับคนแถวนั้น) แนะนำมาค่ะ ว่าร้านนี้ผ้าสวย ได้ชุดเจ้าสาวกับเสื้อกั๊กเจ้าบ่าวมา
ส่วน Accessory อื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยซื้อในช่วง 8 เดือนนั้น รองเท้าเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเป็นรองเท้าผ้าใบ Muper’s เจ้าสาวชอบมาก ส่วนเจ้าบ่าวปกตินางใส่แต่ Keen กับแตะ รองเท้าคู่นั้นเลยได้ใส่แค่วันงานวันเดียวเลย (สนใจซื้อต่อขายนะฮะ เบอร์ 42) เสื้อเชิ้ตกับกางเกงเจ้าบ่าวซื้อจาก Uniqlo ที่คาดผมเขากวางจากร้าน Vernverrs
Bow tie เจ้าบ่าวและมงกุฎดอกไม้เจ้าสาวซื้อจาก Union Mall
เวลเจ้าสาวทำเองค่ะ ฮ่า ๆ เราเอาวางไว้ให้เพื่อน ๆ ใส่ถ่ายรูปเล่นกันค่ะ
ช่อดอกไม้เจ้าสาวจากร้าน Fay Florist
ของชำร่วยเราสองคนทำอาชีพค้าขาย ขายสินค้าหลายอย่าง แต่คิด ๆ ดูแล้วก็เลยตกลงกันว่าดรีมแคชเชอร์นี่แหละเป็นของชำร่วยที่น่ารักที่สุด ทุกคนจะได้มีกิจกรรมมาสอยดรีมแคชเชอร์กันในงาน แล้วก็จะได้กลับไปนอนหลับฝันดีด้วย
แต่งหน้าทำผมติดต่อพี่โจ (ช่างประจำน้องสาว) ไว้ค่ะ แต่แกติดธุระกะทันหันเลยส่งเพื่อนมาแทน เลยไม่ถูกใจนัก แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนั้นแต่งคุณแม่เจ้าสาวออกมาสวยมาก
ช่างภาพ 88 Photography น้องสาวหามาให้ค่ะ ราคาน่ารัก พี่เหน่งก็น่ารัก ถ่ายรูปก็สวย และก็ยังโสดนะคะ ฮ่า ๆ
แหวนแต่งงานแม่ของเพื่อนสนิทแนะนำร้านจันทร์เกษมที่ The Old Siam มาให้ ได้แหวนทองคำขาวเกลี้ยง ๆ 2 วง มาแลกกันในงาน ราคาน่ารัก กล่องใส่แหวนรูปเปลือกหอย ตอนเปิดฝาออกมาจะมีเสียงเพลงด้วยค่ะ เป็นกล่องดนตรีซื้อจาก Music Forest ที่ญี่ปุ่นค่ะ
การ์ดเชิญและซองซื้อกระดาษและซองจาก B2S มาทำกันเอง เป็นรูปจรวด ช่วยกันวาดมือ แล้วก็เอาไปวาดในคอมพ์ แล้วก็พรินท์กันเอง พับกันเองค่ะ แสตมป์นกฮูกจากที่ทำการไปรษณีย์ ดวงละ 5 บาทค่ะ
สมุดเขียนอวยพรซื้อจากร้านหนังสือแถวถนนข้าวสาร ปากกาไม้รูปสัตว์ของร้านเราเองค่ะ ฮ่า ๆ
อุปกรณ์ตกแต่งงานทีแรกเราสองคนตั้งใจจะจัดงานกันเองทั้งหมด เลยซื้อพวกดอกไม้ ป้ายไม้ ตัวอักษรไม้ ตะกร้ากันไว้เอง แต่พอมาใกล้ ๆ วันงานเข้า ก็ตัดสินใจจ้าง PhotoDiff มาตกแต่งงานให้ โดยให้เพิ่มเติมกองฟางมาไว้บนสนามหญ้าให้แขกนั่งตอนทำพิธี แล้วก็เป็นมุมถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ
แล้วเอาพวกโมเดลสัตว์ ดรีมแคชเชอร์ ดอกไม้ กระโจม Teepee ของเราเข้าไปเสริม ที่เลือก PhotoDiff เพราะเคยเห็นผลงานที่เค้าเคยตกแต่งงานที่ Mellow Garden แล้วชอบค่ะ แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ด้วย โมเดลสัตว์ ดรีมแคชเชอร์ ปากกาไม้ จากร้าน Boni-Doll //www.kapook.com/webout.php?url=https://www.facebook.com/bonidolls ร้านเราเองค่ะ ^^
ถ่ายตอนเช้ามืดก่อนงานจะเริ่ม ตอนกลางคืนที่นี่ก็สวยไปอีกแบบค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย
Mellow Garden 143,200 บาท
- ค่าอาหาร (550x200)+vat 7% = 117,700 บาท
- ค่าสถานที่ 20,000 บาท
- ค่าเช่าไมค์+ลำโพง 1,000 บาท
- ค่าชากับกาแฟ 30x150= 4,500 บาท
อาหารเครื่องดื่มที่เอาเข้ามาเสริมอื่น ๆ 27,900 บาท
- เอแคลร์ผักโขม ร้าน Pim’s 15x100 = 1,500 บาท
- Milky Bar ร้าน Pim’s 22x200 = 4,400 บาท
- ข้าวเหนียวหมูปิ้ง 2,000 บาท
- ไวน์ 20,000 บาท
ชุดและเครื่องประดับเจ้าบ่าวเจ้าสาว 33,780 บาท
- ค่าเช่าชุดแต่งงาน 7,800 บาท
- รองเท้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว 2,900x2 = 5,800 บาท
- Bow tie 300 บาท
- เข็มขัดเจ้าบ่าว (ตลาดนัด) 100 บาท
- เสื้อเชิ้ต+กางเกง Uniqlo ของเจ้าบ่าว 2,500 บาท
- มงกุฎดอกไม้ 900 บาท
- ที่คาดผมเขากวาง 500x 2 =1,000 บาท
- เวลเจ้าสาว ค่าผ้า 180 บาท
- ชุดหลานสาว 1,200 บาท
- แต่งหน้าทำผม (เจ้าสาวและครอบครัว รวม 4 คน) 10,000 บาท
- ขัดตัว นวดหน้า คอร์สเจ้าสาว 4,000 บาท
ค่าช่างภาพ 6,000 บาท
แหวนแต่งงาน 7,200 บาท
- เจ้าบ่าว 3,300 บาท
- เจ้าสาว 3,100 บาท
- กล่องใส่แหวน 800 บาท
การ์ดเชิญ (การ์ด+ซอง+แสตมป์) 960 บาท
ค่าตกแต่งงานโดย PhotoDiff 49,500 บาท
ค่าอุปกรณ์ตกแต่งงานที่เตรียมไปเอง 6,665 บาท
- ดอกไม้ตกแต่งบริเวณงาน 2,760 บาท
- ป้ายไม้ MR. & MRS. (ซื้อจาก Daiso มาเพ้นท์เอง) 120 บาท
- ตัวอักษรไม้ จากญี่ปุ่น 500 บาท
- แจกันดอกไม้บนโต๊ะอาหาร 30x25 = 750 บาท
- ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร 35x25 = 875 บาท
- ตะกร้า (ใช้ตอนโปรยบนทางเดิน) 200 บาท
- ดอกคลัสเตอร์ 100 บาท
- ลวด 40 บาท
- เมจิก 20 บาท
- ริบบิ้นผูกหน้ารถ 1,000 บาท
- ค่าอัดรูปมาแขวนตกแต่งบริเวณงาน 300 บาท
ของชำร่วย (ดรีมแคชเชอร์) 10,000 บาท
สมุดอวยพร 100 บาท
รวมทั้งสิ้น 285,305 บาท
กระทู้จบแล้วค่ะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Little My สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก bonidolls