เหตุฟ้องหย่ามีอะไรบ้าง
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
- (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
- (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
- (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้ายหรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- (4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- (4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่ง และโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
ฟ้องหย่าเรียกร้องอะไรได้บ้าง
1. ฟ้องเรียกเงินค่าทดแทน
สำหรับการฟ้องหย่านั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเด็นยอดนิยมก็คือ “หย่าเพราะมีชู้” ซึ่งในกรณีนี้สามีและภรรยาทั้งสองฝ่ายสามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสและชายหรือหญิงที่เป็นชู้ได้ หรือหากไม่อยากฟ้องหย่าก็ยังสามารถเรียกค่าทดแทนจากชู้ได้เช่นกัน
- ไม่หย่า = เรียกค่าทดแทนได้จากชู้เท่านั้น
- ฟ้องหย่า = เรียกค่าทดแทนได้จากคู่สมรสและชู้
2. ฟ้องแบ่งสินสมรส
วิธีแบ่งสินสมรส
- ให้แบ่งกันตามจำนวนที่มีอยู่ในวันฟ้องหย่า โดยได้ส่วนแบ่งในสินสมรสเท่า ๆ กัน ส่วนทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาหลังวันฟ้องหย่าย่อมตกเป็นของฝ่ายนั้น
- หากมีหนี้ร่วมกันในระหว่างเป็นสามีภริยา ความรับผิดในหนี้ร่วมต้องแบ่งตามส่วนเท่ากัน โดยมิต้องคำนึงถึงกองสินส่วนตัว หรือส่วนแบ่งสินสมรสที่ชายหญิงนั้นได้รับไป
- หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจำหน่ายสินสมรสในลักษณะที่ทำให้อีกฝ่ายเสียประโยชน์ หรือโดยไม่ได้รับความยินยอม คู่สมรสฝ่ายที่จำหน่ายจะต้องชดใช้ให้แก่กองสินสมรสเท่ากับจำนวนที่จำหน่ายไป
- เทคนิคการฟ้อง : หากสินสมรสส่วนใหญ่อยู่ที่ฝ่ายเรา เรามักจะไม่ฟ้องร้องขอแบ่งสินสมรส เพราะจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการทำคดี คนจึงไม่นิยมกัน
3. ฟ้องขออำนาจปกครองบุตร
4. ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ประกอบด้วย
- ค่าที่พักอาศัย
- ค่าอาหาร
- ค่าเสื้อผ้า ของใช้ที่จำเป็น
- ค่าศึกษาเล่าเรียน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้
- ค่ารักษาพยาบาล ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตร ค่าวัคซีน
- ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ
- ค่าใช้จ่ายประจำวัน
ทั้งนี้ การกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเท่าใดไม่มีกฎตายตัว ศาลจะพิจารณาตามความเหมาะสม
5. ฟ้องค่าเลี้ยงชีพ
- การฟ้องหย่า ต้องเกิดจากความผิดของอีกฝ่ายเท่านั้น
- การหย่า ต้องทำให้ฝ่ายเรายากจนลงหรือไม่มีรายได้
- การฟ้องเรียกค่าเลี้ยงชีพ ต้องฟ้องพร้อมกับการหย่า ถ้าไม่ได้ฟ้องจะมาเรียกร้องภายหลังไม่ได้